ตลาดหุ้นไทยเปิดสัปดาห์แดงเถือก 'SET Index' ร่วงกว่า 11 จุด สะท้อนแรงกดดันจากต่างประเทศ นักลงทุนจับตา MSCI Rebalancing และตลาดจีน ขณะนักวิเคราะห์จากบล.ดาโอเผย เหตุการณ์การเมืองไทยยังไม่ใช่ปัจจัยหลักกดดัน พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงตลาดล้างไพ่
มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวลงแรงกว่า 11 จุด โดยเป็นการเคลื่อนไหวที่ 'อ่อนแรงกว่าตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่' ซึ่งสะท้อนแรงขายจากนักลงทุนที่ตอบสนองต่อปัจจัยลบภายนอกประเทศมากกว่าปัจจัยในประเทศ
ต่างชาติขาย-จีนซึม-รอ MSCI ปรับพอร์ต
มงคลระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
• แรงขายจากต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศที่ทยอยลดน้ำหนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่
• ภาวะตลาดหุ้นจีน ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน กดดันบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาค
• การปรับพอร์ตของ MSCI (MSCI Rebalancing) ซึ่งจะมีผลในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะมีแรงขายก่อนหน้าในช่วง 3 วันสุดท้ายของสัปดาห์
หุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักในดัชนี เช่น DELTA, AOT, BDMS, ADVANC, CPN, KBANK ต่างปรับตัวลงนำตลาด
การเมืองไทย…ยังไม่ใช่ตัวแปรหลัก
“บรรยากาศการเมืองไทยแม้จะดูมีความขัดแย้ง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่นำไปสู่การยุบสภา” มงคลกล่าว พร้อมเสริมว่า ย้อนดูในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีความตึงเครียดทางการเมืองในหลายช่วงเวลา แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ยุบสภากลางเทอมแบบปัจจุบัน โดยเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องมั่นใจว่าชนะเลือกตั้งแน่ จึงจะกล้าตัดสินใจยุบสภา
มาตรการรัฐกระตุ้นตลาดหุ้นยังไม่ถึงเป้า
แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการดึงเงินลงทุนกลับเข้าตลาดทุนไทย โดยเฉพาะการปรับเกณฑ์การลงทุนกองทุนไทยและการส่งเสริม Thai ESGX แต่ผลบวกยังคงจำกัดในระยะสั้น
“ตลาดยังอยู่ในช่วงล้างไพ่หรือคัดกรองหุ้น ซึ่งหุ้นที่มีคุณภาพจริงๆ จากทั้งหมด 900 กว่าตัว อาจเหลือแค่ 10 ตัวที่เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาวโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์” มงคลกล่าว
หุ้นไทยปี 2568 ยังอยู่ใน 'ช่วงลอยอังคาร'
SET Index ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 1,178 จุด ใกล้แนวรับสำคัญที่ 1,170 จุด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า ปีนี้จะเป็นปีของ 'การล้างไพ่' และปี 2569 จึงจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยใช้เวลาราว 2-3 ปี ในการฟื้นคุณภาพของหุ้นในตลาด
แนะหุ้นพื้นฐานดี-ราคาลงลึก น่าจับตา
ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุนแนะนำ คือ รอจังหวะให้ดัชนีเริ่มฟื้นตัวก่อนเข้าซื้อ โดยหุ้นที่น่าสนใจมีทั้งกลุ่มที่ราคาลงมามากและมีพื้นฐานรองรับ เช่น: SIRI, BA, KCE, PTTEP, JMT, IVL สำหรับหุ้นแนะนำในพอร์ต ADVANC, KBANK, KTB, PTTEP
นอกจากนี้มองว่าหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ยังน่าลงทุนระยะยาว เช่น TOP, GC, IVL ซึ่งมี P/BV ต่ำกว่า 0.4 เท่า ถือเป็นระดับที่ 'ถูกมากในเชิงมูลค่า'