ถามคนไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถ้าต้องถอยรถสักคัน จะเลือกค่ายไหน?
คำตอบน่าจะวนเวียนอยู่ที่ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่น อเมริกา หรือไม่ก็ยุโรป
แต่ตัวเลขยอดจองรถในงาน Motor Expo เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บอกว่าตลาดรถในบ้านเราเปลี่ยนไปแล้ว หลังค่ายรถจีนขี่คลื่นกระแส EV ตีตลาดประเทศไทย ครองสัดส่วนยอดจอง 10 อันดับแรก เฉือนชนะค่ายรถญี่ปุ่น ด้วยสกอร์ จีน 20,664 คัน ญี่ปุ่น 20,274 คัน
คิดเป็นสัดส่วน ค่ายรถจีน 50.47% ต่อค่ายรถญี่ปุ่น 43.53%
การผงาดขึ้นมาของค่ายรถจีนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากคลื่นที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น โดยมี MG เป็นค่ายรถจีนค่ายแรกที่บุกเข้าไทย โดยร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซีพี เมื่อ พ.ศ.2557 หรือ 10 ปีที่แล้ว
ก่อนอีก 8 ปีต่อมา ค่ายรถจีนจะดาหน้าบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไล่เรียงตั้งแต่...
- GWM (กุมภาพันธ์) ใน พ.ศ.2564
- BYD (สิงหาคม), NETA (กันยายน) ใน พ.ศ.2565
- และ Aion (สิงหาคม), Changan (พฤศจิกายน) พ.ศ.2566
แม้ค่ายรถจีนจะถูกตั้งแง่ในด้านคุณภาพและเซอร์วิส เพราะเป็นน้องใหม่ไม่มีโปรไฟล์ บวกกับภาพจำในอดีตเกี่ยวกับสินค้า made in china ที่ถูกแต่ห่วย
แต่ภาพจำนั้นล้าสมัยไปแล้ว จีนวันนี้ไปไกลกว่าเดิมมาก ทั้งในแง่นวัตกรรมและเทคโนโลยี
หลังเปิดตัว รถจีนพิสูจน์ตัวเองได้ในฐานะผู้มาใหม่ ผู้บริโภคให้การยอมรับมากกว่าปฏิเสธ ความเห็นส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก เกิดการบอกกันปากต่อปากในโซเชียลมีเดีย จนคลื่นความต้องการรถจีนก่อตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอัตราเร่งที่เร็วจนคู่แข่งหวาดหวั่น
ปีหน้า (พ.ศ.2567) มาตรการ EV3.5 ที่หวังอัดฉีดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้เร่งโต เพื่อสร้างไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV น่าจะดันค่ายรถจีนให้โตกว่าที่เห็น
ส่วนจะโตแค่ไหน หรือค่ายรถญี่ปุ่นคู่แข่งจะเร่งแซง รักษาตำแหน่งจ่าฝูง ต้องคอยติดตาม
