ดร. ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เผยในงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2024 ที่จัดโดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality” ว่า อุตสาหกรรมซีเมนต์ประเทศไทย ซึ่งมีผู้ผลิต 7 ราย เดินหน้า ‘ลดคาร์บอน’ ต่อเนื่อง โดยการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) และการขับเคลื่อนต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ (SARABURI SANDBOX LOW CARBON CITY) ขณะนี้ มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีประเด็นต่างๆ ให้นำไปสู่การปรับลดข้อจำกัดลง เพื่อผลักดันทุกอย่างให้เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้

ทั้งนี้ ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เป็นโครงการที่ได้บูรณาการความร่วมมือ ภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม (Public-Private-People Partnership: PPP) ร่วมกันดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในจังหวัดสระบุรี โดยใช้กลไกหลักของภาครัฐขับเคลื่อน ภาคเอกชนสนับสนุนดำเนินงาน โดยประโยชน์ไปสู่ภาคประชาชน
ตัวอย่างเช่น Grid Modernization แนวคิดการพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่ทันสมัย เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าที่เป็นคาร์บอนต่ำ ซึ่งเริ่มทดลองติดตั้งแผงโซลาเซลล์บนหลังคาอาคารจอดรถ (Solar Carport) ในศาลากลางจังหวัดสระบุรี โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุน และนำโมเดลธุรกิจจัดการพลังงานไทย (ESCO) มาใช้กับการนำร่องในครั้งนี้

การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ยังมีการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก จากชีวมวล (Biomass) จากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และการใช้เชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) เป็นต้น พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก หรือปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน ในทุกงานก่อสร้างทั่วประเทศ แทนปูนซีเมนต์แบบเดิมที่ปล่อยคาร์บอนสูง โดยเตรียมยกเลิกการผลิตปูนซีเมนต์แบบเดิมในปี พ.ศ. 2568
ปลดล็อคข้อจำกัดกฎหมาย
ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) มหาวิทยาลัยเอกชนระดับแนวหน้าในกลุ่ม Ivy League ของสหรัฐอเมริกา มาศึกษาศักยภาพพื้นที่และการใช้พลังงาน พบว่า จังหวัดสระบุรีมีความต้องการใช้พลังงานประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ แต่โดยศักยภาพพื้นที่แล้วสามารถผลิตได้ถึง 1 แสนเมกะวัตต์
“วันนี้ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทำเรื่องเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด โดยสมาชิกของ TCMA ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ของไทยทุกราย มีการใช้พลังงานทดแทน จากชีวมวล ขยะ RDF ขยะอุตสาหกรรม รวมถึงการรับซื้อหญ้าเนเปียร์มาใช้เป็นพลังงานทดแทน รวมแล้วประมาณ 30% โดยมีเป้าหมายเพิ่มมากกว่านี้ ซึ่งยังต้องการสนับสนุนจากภาครัฐปลดล็อคข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการอนุญาตให้ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้งานได้โดยตรง และข้อระเบียบอื่นๆ จะเป็นตัวเร่งให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานสีเขียวขับเคลื่อนไปได้เร็วยิ่งขึ้น ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า จังหวัดสระบุรีจะไม่ต้องการจัดการขยะ เพราะนำขยะมาผลิตพลังงานทดแทนใช้เองในพื้นที่ ช่วยลดต้นทุนพลังงานลงได้”
ดร.ชนะ กล่าว

สอดคล้องกับคำกล่าวของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการนำแผนไปสู่การปฏิบัติ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ จัดการสภาวะปัจจุบันที่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่าน และปรับปรุงกฎระเบียบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น เพื่อให้มีความทันสมัย ปลดล็อคกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ลดขั้นตอนให้ผู้ประกอบการ และช่วยอำนวยความสะดวกให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวสู่การเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าสะอาดใช้เอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของตนเอง
ผลักดันลงมือทำร่วมกัน เชื่อมต่อระดับโลก
การทำงานในสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ในรูปแบบ Public-Private-People Partnership (PPP) ส่งผลให้โครงการต้นแบบต่างๆ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง นับจากจุดเริ่มต้นที่ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area Based) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรีประสานการทำงานในระดับพื้นที่ และ TCMA สนับสนุนเชื่อมโยงไปสู่ระดับประเทศและเวทีระดับโลก
“สระบุรีแซนด์บ็อกซ์เป็นความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน แนวคิดและรูปแบบการทำงานเชิงพื้นที่ก็ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน เข้ามาศึกษาและนำไปเป็นต้นแบบดำเนินงาน อย่างไรก็ดี การทำงานของสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ในก้าวต่อจากนี้ จะให้ความสำคัญกับความร่วมมือที่มีการพัฒนาโครงการที่น่าสนใจ และมีความเป็นไปได้ที่จะมาต่อยอด เพื่อผลักดันให้เกิดการลงมือทำร่วมกัน หรือ Collaborative Working ทั้ง Collaborative Mindset, Collaborative Action และ Collaborative Value เพื่อนำร่องไปสู่การพัฒนาที่สามารถใช้ได้จริงในอนาคต”
ดร.ชนะ กล่าว

นอกจากนี้ TCMA เตรียมขยายผล นำ ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ สร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติให้มากขึ้น หลังจากที่ได้รับการยอมรับเป็นโมเดลต้นแบบการทำงาน โดยอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยที่ผสานความร่วมมือกับภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม ทั้งในการประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต GCCA CEO Gathering and Leader Conference 2024 ที่จัดขึ้นในประเทศไทย การประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลกที่นิวยอร์ค Climate Week New York City 2024 เมื่อเร็วๆ นี้
โดย ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ ได้รับการตอบรับเข้าร่วมใน Transitioning Industrial Clusters Initiative โดย World Economic Forum นับเป็นคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมแรกของไทย เป็นลำดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นลำดับที่ 21 ของโลก การทำงานร่วมกับ Global Cement and Concrete Association (GCCA) และการนำเสนอความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการประชุม COP นับแต่ครั้งที่ 27 เป็นต้นมา เพื่อเสริมพลังความร่วมมือแห่งการลงมือทำ
“TCMA มีมุมมองเชิงบวกในการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งกับหน่วยงานในประเทศ และต่างประเทศ การมี Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete Roadmap ทำให้ TCMA มีความชัดเจนดำเนินงาน ทั้งด้านนโยบาย ด้านเทคโนโลยี และการแสวงหาเงินทุนสนับสนุน เข้ามาช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน สนับสนุนอุตสาหกรรมซีเมนต์ก้าวสู่ Net Zero 2050 และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม”
ดร. ชนะ กล่าว
