วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ YLG Bullion & Futures ชี้ทองคำมีโอกาสทำระดับสูงใหม่ หากไม่หลุดแนวรับ $3,337/ออนซ์ มองเป้าถัดไป $3,389
สงครามการค้าสหรัฐ-ยุโรป กระทบทองคำระยะสั้น
ประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษียุโรป 50% ซึ่งเดิมกำหนดมีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายน แต่สุดท้ายเลื่อนออกไปเป็น 9 กรกฎาคม ทำให้เกิดความผันผวนกับราคาทองคำ
วรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ YLG Bullion & Futures อธิบายว่า "สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเจรจาลึกข้างในที่อาจยังไม่สามารถได้ข้อยุติและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ การออกมาขู่ว่าจะมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แล้วสุดท้ายก็มีการยกหูโทรศัพท์คุยกันแล้วเลื่อนการจัดเก็บภาษีออกไป ซึ่งประเด็นส่งผลกระทบต่อราคาทองคำทำให้ทองย่อตัวในระยะสั้น"
สหภาพยุโรปแสดงท่าทีแข็งกร้าว
สัญญาณจากการเจรจาดังกล่าวทำให้ยังมองว่ากลุ่มสหภาพยุโรปที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 17 ประเทศ ดูมีท่าทีแข็งกร้าวและไม่ยอมเสียเปรียบสหรัฐฯ
ผลกระทบต่อทองคำ: ประเด็นสงครามการค้ายังคงมีความผันผวน ทำให้ทองคำอาจมีการแกว่งตัวในระดับที่สูง แต่โดยรวมยังคงเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำในระยะสั้น
เปิด 3 ปัจจัยหนุนทองบวกระยะยาว
1. หนี้สาธารณะสหรัฐฯ หนุนทองคำระยะยาว
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการที่มูดีส์ลดเครดิตและความพยายามในการร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill
วรุตชี้ว่า "หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนกังวลและมองภาพของสถานะทางการคลังในฝั่งสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างย่ำแย่"
ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
สถานการณ์นี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการโรลโอเวอร์เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 จนถึงต้นไตรมาส 3 ซึ่งอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ของตั๋วพันธบัตรรัฐบาลกลางสหรัฐ
ผลต่อธนาคารกลาง: ปัจจัยนี้ทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงมีแนวโน้มถือครองทองคำในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ แทนพันธบัตรรัฐบาลกลางสหรัฐ
2.ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจัยหนุนสินทรัพย์ปลอดภัย
สัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นข่าวอิสราเอลจะโจมตีแหล่งพื้นที่นิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมถึงการบุกหนักในพื้นที่ฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน สงครามรัสเซีย-ยูเครนก็ยังคงรุนแรงอยู่
วรุตวิเคราะห์ว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ปัจจุบันคนที่รับผลกระทบจริงๆ คือกลุ่มสหภาพยุโรป"
3. ความเชื่อมโยงสงครามการค้า-ภูมิรัฐศาสตร์
การวิเคราะห์เผยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยสหรัฐอาจใช้ประเด็นการสนับสนุนยูเครนในการต่อรองสงครามการค้ากับสหภาพยุโรป

คำแนะนำการลงทุนทองคำ
ทองคำต่างประเทศ
- แนวรับสำคัญ: $3,337/ออนซ์
- แนวต้านแรก: $3,365/ออนซ์
- เป้าหมายถัดไป: $3,389/ออนซ์
วรุตแนะนำว่า "การอ่อนตัวลงมาของทองคำในระดับจำกัด หากไม่หลุดแนวรับแรก มีลุ้นที่จะเห็นทองคำทำระดับสูงสุดใหม่จากระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา"
รูปแบบการเคลื่อนไหว: ทองคำมีการยกระดับสูงขึ้นมาเฉลี่ยวันละ 20 เหรียญในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา (พุธ $3,324 → พฤหัส $3,345 → ศุกร์ $3,365)
ทองคำไทย
เงินบาทที่แข็งค่าค่อนข้างมากเป็นปัจจัยกดดันทองไทย โดยบาทแข็งค่ารวม 2 สัปดาห์ประมาณ 85 สตางค์
- แนวรับ: 51,000 บาท/บาททอง
- แนวต้านแรก: 51,900 บาท/บาททอง
- เป้าหมาย: 52,250 บาท/บาททอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
1. COVID-19 กลับมาระบาด
มีรายงานว่า COVID-19 ในจีนมีสถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากเกิดการระบาดซ้ำเติมกับวิกฤตสงครามการค้า อาจเป็น 'แบล็กสวอน' ที่กลับมาหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม
2. นโยบายดอกเบี้ยเฟด
ธนาคารกลางสหรัฐยังคงส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบัน หรืออาจปรับลดได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเพื่อคาดการณ์แนวโน้ม
3. ความผันผวนรายวัน
ทองคำยังคงมีการแกว่งตัวระหว่างวันในระดับประมาณ 60-70 เหรียญดอลลาร์ต่อออนซ์
สรุปแนวโน้มทองคำ
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ แม้จะมีความผันผวนระยะสั้น แต่แนวโน้มโดยรวมยังเป็นบวก
นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวมาแตะแนวรับ และแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นสู่แนวต้าน พร้อมจับตาปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาในระยะข้างหน้า