Ubisoft สร้างกระแสให้โลกอินเทอร์เน็ตด้วยการปล่อยตัวอย่างวิดีโอเกม Assassin’s Creed Shadows ซึ่งเป็นวิดีโอเกมภาคใหม่จากแฟรนไชส์ Assassin’s Creed หรือที่นิยมเรียกย่อๆ ว่า AC จากตัวอย่างเราจะพบกับตัวละครหลักสองตัวที่ผู้เล่นสามารถเล่นได้ โดยตัวแรกเป็นซามูไรผิวดำ ตัวที่สองเป็นนินจาสาว แน่นอนว่ากระแสที่เป็นที่พูดถึงคือการนำตัวละครซามูไรผิวดำเข้ามาอยู่ในเซ็ตติ้งที่เป็นยุคเซนโกกุ หรือยุคซามูไรของประเทศญี่ปุ่น
อันที่จริงแล้วกระแสนี้เกิดขึ้นตั้งแต่มีการประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับเกมเมื่อหลายปีก่อน ทำเอาคนบางส่วนรู้สึกไม่พอใจว่าทำไม Ubisoft ถึงตั้งใจนำเสนอคนดำในประเทศญี่ปุ่น เป็นไปได้สูงที่ทีมนักพัฒนาตั้งใจหยิบยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาเล่าต่อ เพราะซามูไรผิวดำนั้นมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ ยาสุเกะ (Yasuke) เรื่องราวของ ยาสุเกะ มีความสำคัญขนาดไหน มีบทบาทอย่างไรในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน
เรื่องราวของ ยาสุเกะ นั้นยังคงคลุมเครือ แต่ไม่ถึงขั้นที่เราจะไม่รับรู้เกี่ยวกับชีวิตของเขาเลย ข้อมูลที่เราหาได้จนถึงเวลานี้คือมาจาก ชินโจ โคคิ (Shinchō Kōki) หรือบันทึกเกี่ยวกับ โอดะ โนบุนากะ, สมุดบันทึกประจำวันของซามูไร มัตสึดาอิระ อิเอทาดะ (Matsudaira Ietada) และจดหมายจากคณะเยซูอิต ลูอีส ฟรัวส์ (Luís Fróis) โดยข้อมูลที่คนมักพูดถึงในช่องคอมเมนต์คือ “ยาสุเกะ ไม่ใช่ซามูไร แต่เป็นเพียงบริวารที่ โอดะ โนบุนากะ (Oda Nobunaga) ใช้ข่มขู่คนที่มาเข้าเฝ้า” เรื่องนี้เป็นจริงดังที่กล่าว แต่ก่อนที่เขาจะมาเป็นบริวารเกิดอะไรขึ้นกับ ยาสุเกะ บ้าง
มีบันทึกจากทหารโปรตุเกสในช่วงปี 1620s ว่า ยาสุเกะ มาจากประเทศโมซัมบิก โดยในช่วงนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส แต่แหล่งข้อมูลอื่นไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีพื้นที่ของชนเผ่าหนึ่งที่โปรตุเกสปกครองคือชนเผ่ามาคัว (Makua) แต่มีข้อสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ยากที่ชนเผ่ามาคัวจะกลายเป็นทาสรับใช้ชาวโปรตุเกสที่ดูเป็นมิตรมากกว่าศัตรู บางที ยาสุเกะ อาจถูกขายเป็นทาสเพราะครอบครัวยากจนมากกว่า และตอนช่วงที่เขาถูกขาย เขาน่าจะมีอายุประมาณ 18-19 ปี โดยคนที่ซื้อไปคือบาทหลวงอาเลสซานโดร วาลิกนาโน (Alessandro Valignano)
แต่ก็ยังมีเรื่องของส่วนสูงและสีผิว เพราะมีการบันทึกว่าเขามีร่างที่สูงใหญ่ และมีสีผิวเข้ม ในขณะที่สัดส่วนชาวมาคัวนั้นเป็นคนร่างเล็ก และมีสีผิวอ่อนกว่า จึงมีการสันนิษฐานว่าเขาน่าจะมาจากชนเผ่าดินคา (Dinka) ซึ่งเป็นชนเผ่าที่นักรบมีร่างกายกำยำแข็งแรง
ยาสุเกะ เดินทางมาพร้อมกับบาทหลวงวาลิกนาโนและคณะ ในปี 1579 ในบันทึกของ ลูอีส ฟรัวส์ กล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นตอนที่ โอดะ โนบุนากะ อยากพบเจอคนดำมากๆ บาทหลวงออร์แกนติโน (Organtino) จึงนำ ยาสุเกะ เข้าเฝ้า ในส่วนของชื่อ ยาสุเกะ นั้น มีแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเป็นชื่อที่ โอดะ โนบุนากะ ตั่งให้ โดยที่ยังไม่รู้ว่าชื่อเดิมของเขาคืออะไร ในหนังสือ ‘African Samurai’ โดย โทมัส ล็อกลีย์ (Thomas Lockley) และเจฟฟรีย์ จิราร์ด (Geoffrey Girard) อธิบายว่า คำว่า ‘ยาสุเกะ’ น่าจะมาจากคำว่า ‘ยิซาเก’ (Yisake) ในภาษาอัมฮาริกที่ใช้กันในหมู่ชาวเอธิโอเปีย โดยคำนี้น่าจะมีรากเดียวกับคำว่า ‘อิชาก’ (Isaque) ในภาษาโปรตุเกส และในภาษาอาหรับที่อ่านว่า ‘ยิชาก’ หมายถึง ไอแซค (Isaac) หนึ่งในบุคคลสำคัญในพระคัมภีร์ไบเบิล คาดว่าพอนำเสนอตัวชาวญี่ปุ่นจึงอ่านว่า ยาสุเกะ (Yasuke) น่าจะเข้าใจง่ายกว่า
ในบันทึกชินโจโคคิเขียนเกี่ยวกับเขาไว้ว่า
“...คนดำที่มาจากประเทศคริสเตียนได้มาถึง เขาน่าจะมีอายุประมาณ 26-27 ปี ความดำบนร่างกายเขาเหมือนราวกับกระทิง เขาดูมีสุขภาพที่ดีและมีรูปร่างแข็งแรง มากไปกว่านั้น เขามีพลังมากกว่าคนรวมกัน 10 คน บรรดาคุณพ่อ (บาทหลวง) ได้มาพร้อมกับเขาเพื่อขอบคุณท่านโนบุนากะสำหรับคำอนุญาตในการเปลี่ยนศาสนา...”
หลังจากนั้น โนบุนากะ ก็สั่งให้เขากลายเป็นหนึ่งในบริวาร โดนหลานชายของโนบุนากะได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับ ยาสุเกะ สำหรับการพบเจอกันครั้งแรก พร้อมกับบ้านและมีดสั้น (น่าจะเป็น วากิซาชิ) ในบางครั้งเขามีหน้าที่ถือของให้กับโนบุนากะอีกด้วย
ในบันทึกของฟรัวส์อธิบายเสริมว่า
“...คนดำคนนั้นเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเพียงเล็กน้อย และโนบุนากะไม่เคยเบื่อที่จะคุยกับเขาเลย เพราะเขาแข็งแรงและสามารถทำเรื่องเล่ห์กลต่างๆ ได้ โนบุนากะจึงยินดีอย่างมากในการปกป้องตัวเขาจากเรื่องต่างๆ แถมนำเขาติดตัวไปตลอดเวลาเดินรอบเมืองเกียวโต บางคนในเมืองคิดว่าโนบุนากะน่าจะแต่งตั้งเขาเป็นโทโนะ (殿) หรือโดโนะ (ตำแหน่งเหมือนนายท่าน ไม่ใช่เป็นยศชนชั้นสูง) ไปแล้ว...”
ยาสุเกะ ได้รับการแต่งตั้งเป็น โคโช (小姓) อีกทีตอนที่เขาติดตามโนบุนากะไปเมืองอะซุจิในโอมิ ซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากซามูไร โดยมีหน้าที่ในการจัดการธุระต่างๆ อย่างใกล้ชิด เราได้รับรู้ข้อมูลจากบันทึกประจำวันของมัตซึเดอิระ อิเอทาดะ ว่าเขามีส่วนสูงประมาณ 6 ชากุ 2 ฟุง หรือ 182.4 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับชาวญี่ปุ่น
เหตุการณ์พลิกผันครั้งใหญ่ในวันที่ 21 มิถุนายน ปี 1582 โอดะ โนบุนากะ ถูกหักหลัง และถูกโจมตีโดย อะเคจิ มิตสุฮิเดะ (Akechi Mitsuhide) หลังจากเจ้านายของเขาทำเซ็ปปูกุ ยาสุเกะได้หนีไปรับใช้ทายาทคนต่อไปของโนบุนากะ นั่นคือ โอดะ โนบุทาดะ (Oda Nobutada) ในนิโจชินโกโช ซึ่งเป็นที่ที่ยาสุเกะ ได้ชักดาบออกมาต่อสู้กับกองทัพของอะเคจิ ฟรัวส์ อธิบายในเหตุการณ์ช่วงชีวิตท้ายของ ยาสุเกะ ว่า
“...ยาสุเกะต่อสู้ให้กับลูกชายของโนบุนากะไปสักพักหนึ่ง ตอนที่กองทัพของอะเคจิใกล้เข้ามา เขาถูกทหารของอะเคจิสั่งริบคืนดาบ และกล่าวว่า ‘ทาสคนดำตอนนี้มันเป็นสัตว์ร้ายและไม่รู้เรื่องอะไร และเขาก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นด้วย ดังนั้นอย่าฆ่าเขา ให้สั่งจำคุกที่โบสถ์โปรตุเกสในอินเดียแทน...”
ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าทำไม อะเคจิ มัตสุฮิเดะ ถึงตัดสินใจเช่นนั้นในการไม่สั่งฆ่า ยาสุเกะ อย่างไรก็ตาม ที่แน่ๆ คือเขามีชีวิตอยู่หลังจากเหตุการณ์อันแสนปั่นป่วน และถูกส่งไปที่นันบันจิ ดูแลโดยคณะเยซูอิตต่อ หลังจากนั้นเราก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ ยาสุเกะ อีกเลย บางทีเขาอาจใช้ชีวิตในฐานะชาวแอฟริกันในญี่ปุ่นไปจนถึงบั้นปลายชีวิตก็เป็นได้
Assassin’s Creed Shadows มีกำหนดวางขายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2024 ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร บางทีสิ่งที่หลายคนไม่พอใจอาจออกมาดีกว่าที่คิด