วิกฤติไฟใต้รอบใหม่ EP.1 BRN สังเวยชีวิตคนบริสุทธิ์บีบเจรจา

9 พ.ค. 2568 - 07:07

  • วิกฤติไฟใต้รอบใหม่ EP.1 เปิดปฏิบัติการกลุ่มก่อความไม่สงบ BRN

  • สังเวยชีวิตคนบริสุทธิ์ หวังบีบรัฐเจรจาบนกองเลือด

ปฏิบัติการของหน่วยติดอาวุธ BRN ที่กระทำต่อเป้าหมายเปราะบาง ทั้งพลเรือน พระสงฆ์ อาสาสมัครรักษาดินแดน และกำลังพลทหาร ตำรวจที่ไม่ใช่หน่วยรบ ซึ่งปฏิบัติการต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2568 แม้จะไม่ใช่การก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่ เหมือนยุคปี 2547 แต่การก่อเหตุแต่ละครั้ง ก็สร้างความรู้สึกสะเทือนใจ และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมอย่างหนัก 

โดยเฉพาะ 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ต่อเนื่องต้นเดือนพฤษภาคม ทั้งเหตุยิงรถบรรทุกพระและเณร ขณะกำลังออกไปบิณฑบาตร ที่อำภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จนเป็นให้เณรมรณภาพ 1 รูป 

เหตุยิงหญิงชราตาบอดพร้อมลูกชายพิการทางสมอง ขณะกำลังจะเดินไปหาหมอที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส จนเป็นเหตุให้หญิงชราบอดเสียชีวิต 1 ราย ส่วนลูกชายบาดเจ็บสาหัส 

เหตุกราดยิงกลุ่มคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และ 1 ใน 3 เป็นเด็กผู้หญิงอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น 

ทั้ง 3 เหตุการณ์สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั้งประเทศ ทุกเชื้อชาติ  ทุกศาสนา ที่ต่างออกมาประณามการกระทำครั้งนี้ ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองที่เคยสนับสนุนกลุ่ม BRN 

ปฏิบัติการของ BRN รอบนี้ ด้านหนึ่ง แม้มีการประณามว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม อำมหิต แต่ด้านหนึ่งก็ยังมีข้ออ้างว่า การที่ BRN ลงมือสังหารผู้บริสุทธิ์ ก็เพื่อเป็นการโต้ตอบการเสียชีวิตของอับดุลรอนิง ราเต๊ะ ที่กลุ่ม BRN อ้างว่าเป็นอุสตาซชุมชนที่ชาวบ้านให้ความเคารพ และเชื่อว่า การเสียชีวิตของ อับดุลรอนิง ราเต๊ะ เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ 

ทั้งที่ข้อมูลทางการระบุว่า อับดุลรอนิง ราเต๊ะ มิได้เป็นอุสตาซที่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน แต่ อุสตาซที่เรียกกันเป็นเพียงนามที่เรียกขานกันในกลุ่มขบวนการเท่านั้น 

นอกจากนี้ อับดุลรอนิง ยังมีบทบาทสำคัญในการฝึกการใช้อาวุธให้กับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่อีกด้วย โดยมีเยาวชนในพื้นที่เคยเข้ารับการฝึกจากอับดุลรอนิงมาแล้วหลายรุ่น 

กระนั้น แม้จะยังไม่ชัดว่า ใครเป็นผู้ลงมือสังหาร อับดุลรอนิง แต่การเสียชีวิตของเขา ก็ถูกหยิบฉวยขึ้นมาเป็นหนึ่งในข้ออ้าง การสังหารผู้บริสุทธิ์ไปแล้ว 

นอกจากการเสียชีวิตของ อับดุลรอนิง อีกเหตุผลที่หลายฝ่ายเชื่อว่า เป็นแรงกระตุ้นให้กลุ่มติดอาวุธ BRN ออกมาสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ คือ การที่ภาครัฐไม่มีความคืบหน้าว่า จะมีการเจรจาสันติภาพอีกเมื่อใด 

ความเคลื่อนไหวต่อเป้าหมายที่เปราะบางครั้งนี้ นัยหนี่งจึงเป็นดั่งการส่งสัญญาณไปยังภาครัฐให้เร่งกลับมาสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพอีกครั้ง 

แต่ไม่ว่า การกระทำครั้งนี้ของกลุ่มติดอาวุธ BRN จะมาจากเหตุผลใด แต่ความเคลื่อนไหวอย่างอิสระ จนสามารถเข้ากระทำต่อเป้าหมายที่เป็นพลเรือน และเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งการลอบวางระเบิด การซุ่มยิง ที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลทั้งตำรวจ ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน ที่เกิดขึ้นถี่ในห้วงเวลานี้ 

 ทั้งหมดก็ล้วนแต่ถูกจับตามองเช่นกันว่า อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มติดอาวุธของ BRN เคลื่อนไหวได้อย่างมีอิสระ ปฏิบัติการด้านการข่าวของหน่วยข่าวในพื้นที่หายไปไหน

 ชาวบ้านที่เคยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหายไปไหน ทำไมทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

 กำลังพลในพื้นที่ทั้งหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานถึง 12 กรม จากทัพภาคที่ 4 จำนวน 9 กรม และอีก 3 กรมจากทัพภาค 1 ทัพภาค 2 และทัพภาค 3 กองทัพละ 1 กรม ซึ่งมีกำลังติดอาวุธนับหมื่นนาย กองกำลังทหารหลักในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจากกองทัพเรือ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สังกัดศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า และอาสาสมัครรักษาดินแดน สังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กำลังทั้งหมดไม่เพียงพอต่อการตรึงพื้นที่ และรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านได้เลยหรือ

 และยังไม่รวมกองกำลังสันติสุข สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่ลงไปเป็นหน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่ง 

 ทำไม…ไม่มีหน่วยไหนสามารถจับสัญญาณการก่อเหตุล่วงหน้าได้เลย

ทำไม…ไม่มีหน่วยไหน สามารถป้องกัน และรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้เลย 

 ตรงกันข้ามกำลังตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครรักษาดินแดน กลับยังตกเป็นเป้าหมาย 

ทั้งหมดเป็นคำถามที่พุ่งเป้าไปยังผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 4 โดยตรง เพราะทั้งหมดเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ 

 หรือวันนี้ เราปล่อยให้ขบวนการ BRN เติบโต และมีกองกำลังติดอาวุธมาก ขนาดที่สามารถเคลื่อนไหวและโจมตีได้โดยง่ายขนาดนี้ 

 เราพ่ายย่อยยับในงานด้านการเมือง และงานมวลชนให้กับ BRN ไปแล้ว วันนี้เราจะพ่ายในงานยุทธการ ทั้งที่มีความพร้อม ทั้งกำลังพลและอาวุธ เหนือกว่า BRN หลายขุมอีกหรือ

 ปฏิบัติการเปิดโต๊ะเจรจาบนรอยเลือดของ BRN จะเป็นเช่นไร จะประสบความสำเร็จหรือไม่ 

โมเดลการแก้ปัญหาไฟใต้รอบใหม่จะเป็นอย่างไร

 หรือ ‘สหายอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะหักดิบ เสนอเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือไม่

 ท่ามกลางเสียงลือกระหื่มว่า ระหว่างปรับยุทธการ ปรับยุทธศาสตร์การทหาร เพื่อรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  

กลับมีผู้ใหญ่ หลุดวาจาออกมาว่า “เปลี่ยนแม่ทัพไม่ง่ายกว่าหรือ” พร้อมมีชื่อ 1 ในแคนดิเดตแม่ทัพคนใหม่ออกมาอย่างชัดเจน…

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์