ดุดันดุเดือดเพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับมหากาพย์สงครามสีกากีรอบใหม่ รอบก่อนฟาดฟันกันตอนท้ายยก เป็นมวยก็เรียกว่า “ใส่กันตอนยก 5”
รอบนี้ใส่กันตั้งแต่ยกแรก ระฆังดังก็เดินหน้าออกอาวุธเข้าใส่กันทันที จนบรรดาเซียนยกให้เป็นมวยถูกคู่ เพราะทั้ง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่างก็มีของ ต่างก็มีอาวุธหนัก
ความเข้มข้นของศึกรอบนี้ หลายคนบอกว่า แรงจัดจนไม่น่าจะครบยก ไม่ใครก็ใครก็อาจพลาดโดนหมัดน็อคไปก่อน
แต่ก็ก่อนจะวิเคราะห์เกมรอบใหม่ว่า จะจบอย่างไร ต้องย้อนกลับไปดูเกมรอบก่อนว่ามีที่มา และมีที่ไปอย่างไร ทำไมวันนี้ถึงเกิดปะทุกันขึ้นมาอีก ทั้งที่น่าจะค่อยๆ ลดดีกรีลง และปล่อยให้เรื่องเงียบ ต่างคนต่างก็เดินหน้าทำงานกันต่อ
ศึกรอบก่อน เป็นช่วงใกล้เวลาการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) เพื่อพิจารณารายชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ โดยมี “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เป็นอาวุโสอันดับหนึ่งที่ตามหลักเกณฑ์ควรจะลอยลำเข้านั่งแท่นผบ.ตร.คนใหม่
ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ถือเป็นอาวุโสอันดับสอง และมี “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นอาวุโสอันดับสี่
ศึกครั้งนั้น หลายคนมองว่า เป็นการเคลียร์เส้นทางให้กับ “บิ๊กต่อ” ก้าวขึ้นมาเป็นผบ.ตร.คนใหม่ เพราะเชื่อว่า “บิ๊กรอย” ที่เป็นอาวุโสอันดับหนึ่งน่าจะคุยได้ แต่ที่น่าจะคุยยากคือ “บิ๊กโจ๊ก” ฉะนั้นเกมคือต้องตัดเส้นทาง “บิ๊กโจ๊ก” ออกไปก่อน
ปฏิบัติการในช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 กันยายน 2566 จึงเกิดขึ้น โดยตอนนั้น “บิ๊กโจ๊ก” พลิกเกมตั้งรับแทบไม่ทัน เพราะเป็นช่วงปลายยก เวลานั้นแม้จะยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับเว็บพนันมินนี่จริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก”หลุดจากวงโคจรการเป็นคู่แข่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ “บิ๊กต่อ”
หลังจบศึก “บิ๊กต่อ” ได้รับการแต่งตั้งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ปฏิบัติการเคลียร์ใจระหว่าง “บิ๊กต่อ” กับ “บิ๊กโจ๊ก” จึงเกิดขึ้น จนมีภาพสวีทหวานที่ “บิ๊กต่อ” นัด “บิ๊กโจ๊ก” พูดคุยสองต่อสอง และมีภาพที่ผู้บริหารระดับสูงของ สตช.ร่วมกินข้าวด้วยกัน มีการจับไม้จับมือกันระหว่าง 2 บิ๊ก
นอกจากนั้นยังมีวาทะเด็ดจาก “บิ๊กต่อ” ที่ให้สัมภาษณ์สื่อว่า
“ไม่มีใครจริงใจกับโจ๊กเท่ากับพี่อีกแล้ว”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ช่วงเวลานั้น ใครๆ ก็คิดว่า น่าจะจบ เพราะ “บิ๊กต่อ” ก็เป็นผบ.ตร.แค่ปีเดียว “บิ๊กโจ๊ก” ยอมๆ หน่อย ปีหน้าก็ขึ้นมาเป็นอาวุโสอันดับ 1 ที่พร้อมจะจ่อคิวเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.อย่างสง่างามแล้ว
แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนอุณหภูมิความขัดแย้งก็ค่อยๆ คุกรุ่นขึ้นมาอีก เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านความมั่นคง ยังเดินหน้าสร้างผลงานต่อเนื่อง และในบางเรื่องก็ยังคงสไตล์เดิม คือ ชนไม่ไว้หน้า ทุกคดีที่เข้าไปจับก็ไม่มีละเว้น ไม่มียืดหยุ่น
ผู้ใหญ่หลายคนที่ยังให้ความเอ็นดู และสนิทสนมเป็นการส่วนตัว พยายามส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ลดความห้าว ลดความเคลื่อนไหวลงบ้าง โดยเฉพาะคดีที่ส่งผลกระทบกับคนในแวดวงสีกากี เพราะกรณีคดีกำนันนก และผู้กำกับเบิ้ม ก็เป็นชนวนความขัดแย้งที่ยังเคลียร์กันไม่จบ
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหยุดหรือเตือน “บิ๊กโจ๊ก”ให้ลดความเคลื่อนไหวลงได้ เพราะเจ้าตัวรับฟังคำเตือนแล้วทำหน้ายิ้มๆ เหมือนรับทราบ แต่ก็ยังเดินหน้าต่อ
ผู้ใหญ่บางท่านถึงกับบอกว่า “โจ๊กมันเกิดปีจอ ไม่ใช่ปีวอก ทำไมมันถึงอยู่เฉยๆ ไม่เป็นบ้าง”
ระหว่างนั้นก็ยังมีภาพ “บิ๊กโจ๊ก” เข้าไปพบ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ชินวัตร ในงานวิ่งการกุศลแห่งหนึ่งที่มีทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ร่วมในงานด้วย จนมีการเท้าความไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กโจ๊ก”กับครอบครัว “ดามาพงศ์” ในสมัยรุ่นพ่อ
สายตาทุกคู่ใน สตช.ที่จับจ้องไปยังภาพนั้น ด้านหนึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นเด็กที่ให้ความเคารพผู้ใหญ่ ในฐานะที่เป็นครอบครัวที่พ่อให้ความเคารพ
แต่ด้านหนึ่ง เป็นภาพที่เสมือนแสดงถึงการอยู่ใกล้ศูนย์อำนาจที่มีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในรอบนี้
ความเคลื่อนไหวทั้งสองส่วน ยังเป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ “บิ๊กโจ๊ก” รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ที่มีคุณสมบัติพร้อมจะก้าวขึ้นเป็นแคนดิเดตคนสำคัญในการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ในช่วงกันยายนที่จะถึง
จุดแข็งของ “บิ๊กโจ๊ก” ในการเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่ คืออาวุโสถึง ผลงานพร้อม สายสัมพันธ์อำนาจพร้อม
แต่ในจุดแข็งของ “บิ๊กโจ๊ก” ด้านหนึ่งก็เป็นจุดอ่อน เพราะเป็นเป้าที่เห็นเด่นชัด
เด่นชัดว่า ตรงไหนเป็นจุดแข็ง ก็ต้องทลายตรงจุดนั้น
ปฏิบัติการรอบใหม่รอบนี้ คือ ปฏิบัติการทลายจุดแข็ง และทลายความชอบธรรมในการเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่ลงก่อน และการทลายจุดแข็งของ “บิ๊กโจ๊ก” ก็ต้องใช้คู่ต่อสู้ที่ใกล้เคียงกัน และมีภาพทางสังคมที่ไม่ต่างกันมาก
การดัน “บิ๊กเต่า” ที่มีภาพความเป็นมือปราบตงฉิน และเดินหน้าลุยมาหลายคดี ไม่เว้นแม้แต่คนดังอย่าง ชาดา ไทยเศรษฐ์ จึงเป็นการเลือกคนที่พอจะมีน้ำหนักพอฟัดพอเหวี่ยงกับ “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นมาชนตรงๆ
“บิ๊กเต่า” ยังมีอีกจุดเด่น คือโดยสถานะรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง “บิ๊กเต่า” ไม่ได้อยู่ในระนาบที่จะเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์ ผบ.ตร.กับ “บิ๊กโจ๊ก” การออกมาดับเครื่องชน “บิ๊กโจ๊ก” รอบนี้ จึงยังเลี่ยงข้อครหาออกมาดิสเครดิต “บิ๊กโจ๊ก” ไปได้อีกข้อ
ศึกระหว่าง “บิ๊กเต่า” และ “บิ๊กโจ๊ก” รอบนี้ จึงเป็นเพียงสงครามตัวแทนเท่านั้น
“บิ๊กเต่า” เป็นเพียงหนึ่งในตัวละคร และหนึ่งในหมากที่ถูกเข็นออกมาเล่น ส่วนตัวละครตัวจริงยังยืนเป็นบุรุษอยู่หลังม่าน
เป็นตัวละครในตำแหน่งนายพลที่ “บิ๊กโจ๊ก” ท้าให้ออกมาเปิดหน้า ท้าให้ไสช้างลงมาชนกันกลางเวทีสัประยุทธ์ อย่าเอาตัวเองไปแอบอยู่เบื้องหลัง
แน่นอนว่า เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” เอ่ยประโยคนี้ สปอตไลท์ทุกดวง สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยัง “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร. เพราะเสมือนมีเพียง “บิ๊กต่อ” เท่านั้น ที่เป็นคู่กรณีกับ “บิ๊กโจ๊ก”
ยิ่ง พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ยื่นจดหมายลาออกจากราชการ และเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ในฐานะ ผบ.ตร.
ภาพก็ยิ่งแจ่มชัดว่า “บิ๊กต่อ” คือบุรุษหลังม่านที่ “บิ๊กโจ๊ก”พูดถึง
แต่คนใกล้ชิด “บิ๊กต่อ” ไม่ได้เชื่ออย่างนั้น เพราะยืนยันว่า “พี่ต่อจะทำแบบนั้นทำไม ได้เป็นผบ.ตร.ไปแล้ว เส้นทางต่อไปข้างหน้าก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีประโยชน์จะเปลืองตัวลงไปเล่นในเกมนี้”
อันเป็นประโยคเดียวกับการให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กต่อ” ล่าสุด ที่ย้ำว่า พี่เป็นผบ.ตร.ไปแล้ว จะลงไปทำแบบนั้นทำไมอีก และยังย้ำว่าคุยกับ “บิ๊กโจ๊ก” ทุกวัน
ส่วนแมลงวันแถวปทุมวันบอกว่า ต้องไปดูว่า ใครได้ประโยชน์จากเกมนี้ ใครที่ขยันวิ่งเข้าหาผู้ใหญ่ และตราบใดที่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่มีชื่อจะขยับเป็นรองผบ.ตร.แทนพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นรองผบ.ตร.ในกลางปีนี้ แคนดิเดต ผบ.ตร. ปลายปีนี้ก็จะเหลือแค่ 4 คนเท่านั้น
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
- พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์
- พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง
เว้นเสียแต่ว่า ถ้าพล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ขยับขึ้นรองผบ.ตร.ทัน พล.ต.ท.ประจวบ ถึงมีคุณสมบัติเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดต ผบ.ตร.
ซึ่งทันทีที่ “บิ๊กโจ๊ก” พ่ายแพ้ในสงครามตัวแทนรอบนี้ และถ้า พล.ต.ท.ประจวบ ไม่ได้ขยับขึ้นเป็นรองผบ.ตร.
แคนดิเดต ผบ.ตร. ก็จะเหลือแค่ 3 คน
ส่วนใครจะมีโอกาสมากกว่าใคร ใครที่เชื่อว่า ถ้าตัด “บิ๊กโจ๊ก” ออกไปพ้นทางแล้วจะลอยลำขึ้นแท่นพิทักษ์ 1 (รหัสที่เอาไว้เรียกคนที่เป็นเบอร์หนึ่งของกรมปทุมวัน)
ต้องไปเกาะรั้วเหล็กแถวปทุมวัน เผื่อแมลงวันแถวนั้นจะบินผ่านมากระซิบบอกครับ
