ฮาวทูกู้โลกรวน ฉบับพูดง่าย ทำยาก
วิธีที่ 21 : ‘มะเร็ง’ โรคลามโลก (ลดโลกร้อน เพิ่มคนรอดโรคร้าย)
โลกร้อนเร่งให้โรคร้ายกล้ำกรายมนุษย์ โดยเฉพาะ “มะเร็ง” ที่คร่าชีวิตผู้คนปีละ 9.7 ล้านราย
แนะนำ : ทำสักที Eco-friendly Lifestyle ใครจะรู้? มันอาจทำให้คุณดูดีขึ้น (และโลกก็ดีด้วย)
WHAT (เกิดอะไรขึ้นอ่ะ?)
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลกประมาณ 22 ล้านราย (16%) คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลก 9.7 ล้านคนต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยมะเร็งมากกว่า 35 ล้านรายต่อปีในปี 2050
รู้หรือไม่ สำหรับ “มะเร็ง” อายุเป็นเพียงตัวเลข!!
สถิติข้างต้นน่าตกใจ แต่มันน่าตกใจเพิ่มไปอีก เมื่อโรคมะเร็ง “เล็งคนอายุน้อยเป็นเป้ามากขึ้น” โดยทั่วโลกมีคนที่อายุต่ำกว่า 50 ปี เป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 79% (ปี 1990-2019) แถมส่วนใหญ่ไม่สูบบุหรี่ และไม่ได้มาจากปัจจัยทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยทาง “สิ่งแวดล้อม”
ดูแล้วเหมือนฉากหนึ่งในหนังวิทยาศาสตร์สุดระทึก ทว่า ในชีวิตจริง...เราก็ยังต้องสู้กับมันอยู่ดี! และตัวเลขนี้ก็ไม่เกินจริง!!
มีคนไทยที่โลกทั้งใบพังในเสี้ยววินาที ปีละ 1.4 แสนคน ปลิด 8.3 หมื่นชีวิต เฉลี่ยวันละ 227 คน
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน โดยมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5 อันดับแรก ได้แก่
- มะเร็งตับและท่อน้ำดี
- มะเร็งปอด
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
ทางด้านองค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer: IARC) ชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไม่ได้สะท้อนถึงการเข้าสู่สังคมสูงวัยของประชากรโลกเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุให้คนเป็นมะเร็งมากขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ แอลกอฮอล์ โรคอ้วน มลพิษทางอากาศ และมลพิษทางน้ำ
ข้อค้นพบที่น่าสนใจหลายประการเกี่ยวกับสถานการณ์โรคมะเร็งทั่วโลก เช่น
- ประเทศร่ำรวยมีอัตราการเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้นมากที่สุด
- ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง มีสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้น และมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว
- ผู้หญิงในประเทศร่ำรวย สัดส่วน 1 ใน 12 คนได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งเต้านม และ 1 ใน 71 คน จะเสียชีวิตจากโรคนี้ ในขณะที่ผู้หญิงในประเทศยากจน มีโอกาสป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมในอัตรา 1 ใน 27 คน แต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า ที่ 1 ใน 48 คน
- ปัญหาทางการเงิน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษา จึงต้องดูแลแบบประคับประคอง
- มะเร็งปอด เป็นมะเร็งชนิดที่พบมากที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ 2.5 ล้านราย คิดเป็น 12% ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด รองลงมาคือ มะเร็งเต้านม ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วย 2.3 ล้านรายทั่วโลก
- มะเร็งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะอาหาร ตามลำดับ
สถิติการเกิดมะเร็ง นอกจากจะทำให้เป้าหมายการลดจำนวนการตายและการเจ็บป่วยจากสารเคมีอันตราย มลพิษและการปนเปื้อนทางอากาศ น้ำ และดิน ภายในปี 2030 ที่บรรจุอยู่ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ข้อที่ 3 คือการมีสุขภาวะที่ดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being) เป็นไปได้ยากแล้ว ยังตามมาด้วยการทำให้เป้าหมายในข้อที่ 10 เรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความเสมอภาคของการเข้าถึงการรักษา ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) วางไว้ยากจะทำสำเร็จ
และชี้ชัดว่า...โลกเรากำลังป่วย ด้วยสเต็ป “ร้อน รวน เดือด” ตามคำเรียกสากล Global Warming > Climate Change > Global Boiling
WHY (ทำไมโลกร้อนล่ะ, เกี่ยวไร?)
ความจริงอันเจ็บปวดคือ “โลกร้อน” ทำให้คนเราได้รับ “การ์ดเชิญ” เข้าไปอยู่ในโลกของโรคร้ายมากขึ้น
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) ไม่เพียงแค่เพิ่มอุณหภูมิของโลก แต่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคร้ายลุกลามไปทั่วโลก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) กำลังทำให้โลกเผชิญกับวิกฤตทางสุขภาพอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โลกร้อนซ่อนโรคร้าย
Climate Change ส่งผลให้เกิดโรคระบาดที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นถึง 58% โดย 218 โรคที่เกิดกับมนุษย์ (จากทั้งหมด 375 โรค) มีอาการรุนแรงขึ้น เพราะสถานการณ์โลกร้อนและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ทุกๆ องศาที่เพิ่มขึ้น ไม่เหมาะกับมนุษย์ แต่เหมาะกับไวรัส เชื้อโรค!!
การศึกษาที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ World Economic Forum ชี้ให้เห็นปัจจัยที่เชื่อมโยง “โลกร้อน” และ “โรคร้าย” เนื่องจากโลกร้อนส่งผลให้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตเสี่ยงที่จะติดโรคและมีอาการที่รุนแรง
เช่น โลกร้อนทำให้ยุงขยายพันธุ์เร็วขึ้น มีจำนวนมากขึ้น อัตราการติดเชื้อมาลาเรีย เดงกี่ (ไข้เลือดออก) จึงสูงขึ้น ผู้ป่วยก็มีอาการที่รุนแรงมากขึ้น อีกทั้งอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นยังทำให้ไวรัสหลายตัวพัฒนาสายพันธุ์ต้านทานกับความร้อนได้มากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอลง
โลกร้อน-มลพิษ-มะเร็ง การเชื่อมโยงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินหายใจ มลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในยุคโลกเดือด (Global Boiling) โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการใช้พลังงานจากฟอสซิล ทั้งการคมนาคมและการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ก่อสารพิษในอากาศและฝุ่น PM2.5 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอ และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะ “มะเร็งปอด” และ “มะเร็งในระบบทางเดินหายใจ”
มะเร็งผิวหนัง ความร้อนที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้แสง UV เข้มข้นขึ้น การสัมผัสกับรังสี UV อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเสี่ยง “มะเร็งผิวหนัง”
มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ ภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมเพราะความแปรปรวนของโลก ทำให้สารพิษและสิ่งสกปรกในแหล่งน้ำเน่าเสีย สารเคมี โลหะหนัก ตะกั่ว ปรอท แพร่กระจายไปยังแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภค น้ำที่ใช้ในการเกษตร ส่งผลให้เกิด “มะเร็งกระเพาะอาหาร” และ “มะเร็งตับ”
มะเร็งลำไส้ใหญ่ การที่โลกร้อนทำให้วิถีการเกษตรเปลี่ยนแปลงไป เพราะความร้อนและภัยแล้งกระทบกับการเพาะปลูกโดยตรง ทำให้เกษตรกรต้องหันมาเพิ่งปุ๋ยและเคมี ทีนี้พืชผักและผลไม้ที่เรากินจึงมีสารเคมีปนเปื้อน ผู้บริโภคก็สะสมจนให้เกิด “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ในขณะเดียวกันตัวเกษตรกรเองก็ป่วยเพราะการสูดดมสารเคมี เช่น พาราควอต หรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางประเภท (เลิกใช้ได้แล้ว)
มะเร็งลามโลก ที่เราเห็นข่าวน้ำท่วม ไฟป่า พายุหิมะ แผ่นดินไหว โรคระบาดเกิดบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น มันคือเนื้อร้ายที่ก่อตัวบนโลก ก็เหมือนมะเร็งที่เกิดขึ้นบนคนเรานี่แหละ
HOW (ทำอย่างไรล่ะทีนี้)
แนะนำ : ทำสักที Eco-friendly Lifestyle ใครจะรู้? มันอาจทำให้คุณดูดีขึ้น (และโลกก็ดีด้วย)
ใช่แล้ว! ประตูสู่ทางสว่าง คือการสร้างเกราะป้องกันให้โลกด้วยการปรับสไตล์ให้เป็นมิตรต่อโลก (มากขึ้น) เพราะแค่เราปรับ...โลกก็เปลี่ยน
ลดโลกร้อน เพิ่มคนรอดโรคร้าย
ส่องเคล็ดลับพิชิตทั้งโลกร้อนและมะเร็ง แถมยังทำให้เราดูเท่ห์ไปในตัว!
Eco-friendly Lifestyle ลดบ้าง : ลดการใช้พลังงานที่สร้างมลพิษ เปลี่ยนจากการขับรถที่ปล่อยควันเหมือนเตาปิ้งย่าง แล้วหันไปหาทางเลือกที่เป็นพลังงานสะอาด ขับรถไฟฟ้า ขี่จักรยาน หรือเดิน (ถ้าจะไปแค่ปากซอย อย่าขับรถ!) แม้จัเหนื่อยหน่อยแต่ก็ลดการปล่อยมลพิษและเราก็ได้หุ่นดีไปพร้อมๆ กัน
Eco-friendly Lifestyle ปิดบ้าง : ประหยัดพลังงาน “ปิดบ้าง” อะไรที่ไม่จำเป็น ให้ดวงไฟได้พัก แล้วดวงตาได้หลับมากขึ้น
Eco-friendly Lifestyle เปลี่ยนบ้าง : เปลี่ยนจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ มาใช้ LED เพราะมันทั้งประหยัดและปลอดภัยจากการรั่วไหลของสารพิษ (อย่าหาว่าเราไม่เตือน!)
Eco-friendly Lifestyle เลือกบ้าง : เลือกมาใช้พลังงานทดแทน ถ้าความร้อนแผดเผา แสงแดดแยงตา ก็แค่หันมาใช้พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม มาเป็นเพื่อนช่วยชาร์จพลังงานให้เราได้
Eco-friendly Lifestyle ใช้บ้าง : ใช้ซ้ำๆ หรือรีไซเคิลพลาสติก หยุดเป็นคนที่ทำให้โลกดูเหมือนถังขยะพลาสติก แค่ใช้กระเป๋าผ้า แก้วน้ำหรือหลอดที่ใช้ซ้ำได้ ก็ช่วยโลกได้แล้ว
Eco-friendly Lifestyle ดูแลตัวเองบ้าง : ลุกขึ้นออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ ทาครีมกันแดด ใส่แมสก์ หลีกเลี่ยงจากมลพิษ ลดโอกาสโดนมะเร็งล็อกเป้า
แม้ว่าโลกกำลังป่วย แต่ยังมีเวลาให้รักษา มาเถอะ! มาร่วมกันทำให้โลกเย็นลง แล้ว “มะเร็ง” จะหนาววววว…ไปเอง!
