ไข 3ปมสงครามส่งด่วน Mission‘ตระกูลฮุน’ ล้างตาแผลเก่า

7 มิ.ย. 2568 - 08:41

  • ‘ช่องบก’ Turning Point EP.3 ไขปมความพยายามเจรจาของไทย ทั้งระดับพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงระดับกองทัพ และรัฐบาลถูกเมิน

  • กัมพูชามีธงชัดเจนไม่คุยในวง JBC เริ่มระดมกำลังทหารและอาวุธเข้าพื้นที่ ซึ่งไทยก็ต้องขยับความพร้อมทางทหารบ้าง

  • ความพยายามยกสถานการณ์เข้าไปสู่ศาลโลก พ่อลูกตระกูลฮุน…หวังผลอะไร

ไข 3ปมสงครามส่งด่วน Mission‘ตระกูลฮุน’ ล้างตาแผลเก่า

ยังคงทวีความตึงเครียดมากขึ้นทุกขณะ ทั้งสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ และสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ยิ่งใกล้วันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่กำหนดเป็นวันประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา หรือ JBC : Joint Boundary Commission สถานการณ์ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น 

 

ท่าทีของฝั่งกัมพูชาล่าสุด ยังไม่มีแนวโน้มจะลดการ์ดลงมาคุยเพื่อหาสันติ และยอมจบแค่ในเวที JBC ซึ่งเป็นเวทีของ 2 ประเทศ

 

การพบกันของรัฐมนตรีกลาโหมของไทย ภูมิธรรม เวชยชัย และ เตีย เซยฮา รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ไม่เพียงไม่มีข้อยุติ 

 

เตีย เซยฮา และคณะเจรจา ยังเดินทางข้ามแดนมาพร้อมชุดพราง ซึ่งเป็นชุดสนามที่พร้อมรบ การแสดงออกเช่นนั้นในทางการทูต ถือเป็นการส่งสัญญาณเด่นชัดถึงการพร้อมรบมากกว่า จะพร้อมเจรจาอย่างสันติ

 

ไม่เพียงเท่านั้น วันถัดมา กัมพูชายังออกแถลงการณ์ไม่นำปัญหาข้อขัดแย้งทั้งหมด เข้าหารือในการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน ตรงกันข้ามกลับมีรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า กัมพูชายังเสริมกำลังรบเต็มรูปแบบในพื้นที่ขัดแย้งอีกด้วย 

 

ท่าทีที่แข็งกร้าวของฝ่ายกัมพูชารอบนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด กัมพูชาถึงรีบเร่ง และแสดงออกถึงความกระหาย ที่จะขยายความขัดแย้งให้เกิดความรุนแรงขนาดนี้ 

 

แต่เมื่อถอดรหัสจากการเตรียมความพร้อมด้านกำลังรบของฝ่ายกัมพูชา จะเห็นถึง Mission สำคัญของกัมพูชา คือ เป็น Special Mission ของ พล.อ.ฮุน มาเนต โดยเฉพาะ 

 

เพราะการรบที่เขาพระวิหารเมื่อปี 2554 แม้จะมีไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า อำนาจการยิงของปืนใหญ่ไทย ส่งผลให้กองพลรบที่ควบคุมและบัญชาการโดยพล.อ.ฮุน มาเนต แทบละลายทั้งกองพล

 

มีรายงานว่า การรบครั้งนั้นไม่เพียงการสูญเสียกำลังพลอย่างหนัก ตัวพล.อ.ฮุน มาเนตเอง ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรบด้วย และต้องใช้เวลารักษาตัวระยะหนึ่ง โดยไม่ปรากฏตัวออกงานใดใดเป็นระยะเวลาหลายเดือน  

 

ความพร้อมของกองทัพบกกัมพูชารอบนี้ จึงเป็นการกลับมาแก้มือของ พล.อ.ฮุน มาเนต อีกครั้ง และครั้งนี้ เขาไม่ได้มาในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ แต่มาในฐานะนายกรัฐมนตรี มาในฐานะผู้สืบทอดอำนาจของสมเด็จฮุน เซน

 

เดิมพัน…ของพล.อ.ฮุน มาเนต ครั้งนี้ จึงเป็นเดิมพันที่สูงลิ่ว

 

เดิมพัน…ที่จะต้องได้รับการยอมรับจากขั้วอำนาจต่างๆภายในกัมพูชา โดยเฉพาะขั้วอำนาจจากกลุ่มอดีตกองกำลังเขมรแดง

 

เดิมพัน…ที่จะต้องได้รับการยอมรับจากเวทีนานาชาติ

 

เดิมพัน…ที่จะต้องเป็นขวัญใจของประชาชนกัมพูชา 

 

พล.อ.ฮุน มาเนต โชว์ Speech ในเวทีประชุมรัฐสภากัมพูชา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดต่อการไม่ยอมรับแนวเขตแดนของไทย และไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ในการถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง พร้อมขออนุมัติการเคลื่อนกำลังพลมาประชิดชายแดนไทย

 

รายงานด้านความมั่นคง ฉายภาพให้เห็นถึงการเตรียมกำลังรบของฝั่งกัมพูชา ที่ประกอบด้วยการเสริมกำลังทหารราบถึง 13,000 นายในบริเวณพื้นที่ขัดแย้ง 

 

ในจำนวน 13,000 นาย มี 500 นาย เป็นหน่วยรบพิเศษ ซึ่งเป็นกองพลขึ้นตรงผู้นำกัมพูชา จากเดิมที่ขึ้นตรง สมเด็จฮุนเซน วันนี้มาขึ้นตรง พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี

 

นอกจากนั้น ยังปรากฏภาพ เครื่องยิงจรวด และปืนใหญ่ขนาดต่างๆ ตั้งประจัญหน้า หันลำกล้องมายังฝั่งไทย 

 

ฝั่งกัมพูชา ยังเตรียมการป้องกันการโจมตีทางอากาศ ที่มีความพร้อมทั้งป้องกันการโจมตีด้วยโดรนขนาดเล็ก หรือ ป้องกันการโจมตีจากเฮลิคอปเตอร์ ด้วยการนำปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ZU- 23 ขนาด 23 มม. ที่ผลิตในรัสเซีย ติดตั้งบนรถหุ้มเกราะมาใช้เป็นครั้งแรก

 

ZU – 23 ขนาด 23 มม. เป็นปืนกลต่อสู้อากาศยานอัตโนมัติ ที่มีสมรรถนะในการยิงรอบตัว 360 องศา ความคล่องตัวสูงในการยิงโดรนโจมตี และ ยิงอากาศยานขนาดเล็ก เช่น เฮลิคอปเตอร์โจมตี 

 

รายงานฉบับเดียวกัน ยังระบุถึงข้อมูลที่ฝ่ายกัมพูชา นำจรวดต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่า QW – 3 ซึ่งเพิ่งได้รับการสนับสนุนมาจากจีน เข้ามาเตรียมใช้งานภายในพื้นที่ 

 

QW – 3 เป็นจรวดต่อสู้อากาศยานที่ต้องใช้งานคู่กับ ระบบควบคุมและสั่งการยิง TH-S311 Smart Com-Smart Hunter เป็นระบบต่อต้านอากาศยานใหม่ของกองทัพบกกัมพูชา ที่เข้ามาประจำการโดยเป็นการจัดหา หรือ อาจเป็นการสนับสนุนแบบให้เปล่าจากจีนในการฝึก Golden Dragon-2025 ที่ผ่านมา

 

QW-3 มีขีดความสามารถ สำหรับการต่อต้านอากาศยาน ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ UAV โดรน และอาวุธร่อนต่างๆ ซึ่งถูกเปรียบว่าขีดความสามารถใกล้เคียง FIM-92 Stinger ของสหรัฐฯ และ IGLA-S ของรัสเซีย แต่ QW-3 เป็นระบบนำวิถีด้วยระบบเลเซอร์ ยิงได้ไกลสุด 5-6 กม. สูงจากพื้น 3 กม.

 

ในส่วนระบบควบคุมและสั่งการ TH-S311 เป็นระบบที่มีเรดาร์ตรวจการณ์ขนาดเล็ก ที่สามารถค้นหาติดตามเป้าหมาย และส่งข้อมูลให้ชุดยิงในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งหมดยังไม่นับรวมรถถังขนาดต่างๆ ซึ่งรายงานจากในพื้นที่ระบุว่า มีการเคลื่อนย้ายเข้ามาอย่างคึกคักตลอดแนวชายแดนในบริเวณนั้น 

 

ความพร้อมของกัมพูชา ที่เคลื่อนกำลังมาประชิดชายแดนด้านช่องบก ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนอย่างหนัก เพราะยุทโธปกรณ์ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่า กัมพูชามีการทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพื่อรับมือฝ่ายไทย หลังจากมีบทเรียนจากความพ่ายแพ้ในศึกเขาพระวิหารมาแล้ว 

 

กัมพูชารู้ดีถึงศักยภาพหน่วยรบพิเศษของไทย ว่ามี พลังเงียบ เฉียบขาดแค่ไหน 

 

กัมพูชา โดยเฉพาะ ฮุน มาเนต รู้และซาบซึ้งดี ถึงอำนาจการยิงของปืนใหญ่ไทยว่า เป็นราชาแห่งสนามรบตัวจริงในภูมิภาคนี้

 

กัมพูชายิ่งรู้ดีว่า ศักยภาพกำลังรบทางอากาศของไทย…เหนือกว่ากัมพูชาขนาดไหน

 

สุดท้าย กัมพูชายิ่งรู้ดีว่า การรบแบบใหม่ย่อมต้องมีโดรนโจมตีขนาดเล็กเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะเห็นชัดจากการการต่อสู้ระหว่างชนกลุ่มน้อยในเมียนมากับกองทัพเมียนมา ที่มีการนำโดรนเข้าไปโจมตี และทิ้งระเบิดในฐานที่มั่นของทหารเมียนมาหลายจุด 

 

ยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่ถูกระดมเข้ามาในพื้นที่วันนี้ จึงมาจากการทำการบ้านของทีมเสนาธิการของพล.อ.ฮุน มาเนต เพื่อแก้มือกองทัพไทย หากต้องมีการปะทะเกิดขึ้น 

 

ข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ฉายให้เห็นถึงศักยภาพกำลังรบของกัมพูชารอบนี้ จึงเป็นข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งว่า เบื้องหลังท่าทีที่แข็งกร้าวของฝ่ายกัมพูชา เป็นท่าทีที่แฝงถึง Agenda ของการใช้สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เพื่อรองรับเส้นทางอำนาจของ พล.อ.ฮุน มาเนต ให้เป็นที่ยอมรับ และสืบทอดอำนาจจากสมเด็จฮุนเซนได้แบบราบรื่น 

 

ครั้งก่อน…ละลายไปหนึ่งกองพล ครั้งนี้อีกสักรอบ เพื่อความยั่งยืนในอำนาจ สำหรับพ่อ-ลูกตระกูลฮุน ดูแล้วก็น่าจะคุ้มที่จะลงมือ

 

ล่าสุด รัฐมนตรีกลาโหมของไทย ก็ดูเหมือนจะได้ข้อยุติต่อท่าทีของกัมพูชา ที่ไม่ปรารถนาจะแสวงหาสันติ เมื่อได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ภายหลังจากการหารือ มีข้อมูลบางประการที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาที่ได้หารือกันในที่ประชุม 

 

ในแถลงการณ์ยังย้ำว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ข้อเสนอที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การลดการเผชิญหน้าและสันติภาพถูกปฏิเสธ ตรงกันข้ามเมื่อฝ่ายกัมพูชา สั่งเพิ่มกำลังทางการทหารมากขึ้น ฝ่ายไทยจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ และเสริมกำลังด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ภายใต้จุดยืน 4 ข้อ คือ 

 

1. ไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และพร้อมปกป้องอธิบไตยของไทยอย่างสุดกำลัง

2. สนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง และให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย

ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย 

3. รัฐบาลไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICI) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด

4. ไทยเน้นย้ำจุดยืนเดิม ที่ขอให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติในปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเศรียดและการเผชิญหน้า

 

สัญญาณการเสริมกำลังรบของฝ่ายกัมพูชา และสัญญาณไฟเขียวจากรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีให้ไทย สามารถเสริมกำลังรบได้อย่างเต็มที่ และมอบอำนาจการตัดสินใจหน้างานให้กับฝ่ายปฏิบัติ สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสม จึงเป็นสัญญาณที่ทวีความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนมากขึ้น

 

ประการสำคัญ ยังเป็นสัญญาณที่การเจรจาแบบทวิภาคีเจรจาแบบ 2 ฝ่าย อาจไม่ใช่แนวทางที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนั้นอาจเข้าทางตระกูลฮุนผู้พ่อ ที่ต้องการลากสถานการณ์นี้ไปสู่การใช้บุคคลที่ 3 หรือ คนกลางเข้ามาตัดสิน 

 

EP.นี้ คงสรุปได้แค่ Mission ของ ตระกูลฮุนผู้ลูก แต่ฉากทัศน์ ฉากหน้า ฉากหลังของ Mission ตระกูลฮุนผู้พ่อ ต้องขอยกยอดไป EP ถัดไป เพื่อจะได้ ฉายรายละเอียดให้เห็น Agenda ของ Mission ครั้งนี้แบบลงลึก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์