วันก่อนสามทหารเสือ นำโดย ‘ชาญชัย อิสระเสนารักษ์’ อดีต สส.นครนายก, ‘สมชาย แสวงการ’ อดีต สว. และ ‘นิติธร ล้ำเหลือ’ พากันไปทวงถามความคืบหน้าจาก ป.ป.ช.ที่ยื่นร้องเอาผิดรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ไว้
กรณีฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ในส่วนที่ถูกกำหนดให้นำส่งใช้หนี้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแทน
ก่อนหน้านี้ 4 จตุรเทพ ซึ่งมี รศ.ดร.‘เจษฎ์ โทณะวณิก’ ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ร่วมด้วยอีกหนึ่งราย ได้ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ไว้ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
แต่ผ่านไปหนึ่งเดือนยังไร้วี่แวว จึงพากันมาทวงถาม เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ ป.ป.ช.มีกรอบเวลาพิจารณาอยู่ 45 วัน และหากไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
การออกมากระทุ้งของทั้งสาม จึงเสมือนเป็นความหวังของหมู่บ้าน ที่ต้องการเอาเรื่องนี้มาเช็คบิลครม. ‘เศรษฐา-แพทองธาร’ ให้สิ้นสภาพไปพร้อมกันในคราวเดียว เพราะการฝ่าฝืนมาตรา 144 นั้น ต้องเจอโทษหนักหลายเด้ง
ไม่เพียงต้องพ้นจากตำแหน่ง ถูก‘เพิกถอน’สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และต้องชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเท่านั้น
แต่ครม.ทั้งคณะต้องหลุดจากตำแหน่งทันที ไม่สามารถอยู่ทำหน้าที่รักษาการได้ ตามมาตรา 167 (4) ประกอบมาตรา 168 (2) เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามิได้อยู่ในที่ประชุมขณะมีมติ
หากเกิดอุบัติเหตุกับครม.อิ๊งค์ จากกรณีนี้ที่ ‘ชาญชัย’ หวังให้เป็นกรณีศึกษา ก็จะเป็นอีกบันทึกหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ครม.ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะและไม่สามารถอยู่ทำหน้าที่รักษาการได้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ต้องนำมาตรา 168 วรรคท้ายมาใช้
นั่นคือ หน้าที่การบริหารในฐานะคณะรัฐมนตรี จะไปอยู่ในมือของปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวง ที่จะปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ เฉพาะเท่าที่จำเป็นไปพรางก่อน โดยให้ปลัดกระทรวงคัดเลือกกันเองให้คนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
โดย ‘ครม.ปลัดกระทรวง’ ที่ว่านี้ จะอยู่ทำหน้าที่ไปจนกว่าสภาผู้แทนราษฎร จะดำเนินการตามมาตรา 158 และมาตรา 159 ให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาทำหน้าที่
แต่ดูเหมือนการร้องเอาผิดครม.ทั้งชุดเก่าและชุดปัจจุบัน ที่ร่วมกันฝ่าฝืนมาตรา 144 จะครอบคลุมไปถึงสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาด้วย ฐานร่วมรู้เห็นกับการปรับเปลี่ยนงบประมาณดังกล่าวด้วย
ดังนั้น จึงไม่เพียงคณะรัฐมนตรี แต่ทั้งสภาสูงและสภาล่าง ที่ให้ความเห็นชอบกับการปรับลดงบประมาณดังกล่าว อาจต้องถูกรังสีอำมหิตของมาตรา 144 สิ้นสภาพยกเข่งไปด้วยกัน
งานนี้คงมีสส.ฝ่ายค้าน กับสว.อีกไม่กี่คนที่ลงมติไม่เห็นด้วยหรืองดออกเสียง เหลือรอดจากดาบ ม.144
ถึงตอนนั้น การเมืองไทยอาจจะติดหล่ม เจอทางตัน เพราะสส.ฝ่ายค้าน กับสว.อีกไม่กี่คนที่มีชีวิตอยู่รอด คงไปประกอบร่างทำพิธีกรรมใดๆ ตามรัฐธรรมนูญต่อไปอีกได้ยาก
หากเกิดเหตุการณ์ที่ว่าขึ้น คงต้องใช้บริการ ‘ครม.ปลัดกระทรวง’ ผ่าทางตันหาทางออกให้กับประเทศกันเอาเอง หรือจะปล่อยให้อยู่กันไปแบบนั้น
เพราะประเทศทุกวันนี้ ก็เหมือนไม่มีนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว.