ฝุ่นแดงข้ามชาติ วิกฤตกากพิษเถื่อนทะลักไทย

13 มิ.ย. 2568 - 00:31

  • รู้จัก “ฝุ่นแดง” ของเสียอุตสาหกรรมปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว แคดเมียม แต่มีมูลค่าจากการสกัดสังกะสี

  • ด้วยลักษณะเป็นฝุ่นละเอียดจึงง่ายต่อการปนเปื้อนในอากาศ น้ำ และดิน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงตกค้างในห่วงโซ่อาหาร

  • บทเรียนที่ไทยต้องทบทวน เมื่ออยู่ในฐานะทางผ่านหรือปลายทาง ล้วนเป็นช่องว่างที่ต้องรีบอุด

ฝุ่นแดงข้ามชาติ วิกฤตกากพิษเถื่อนทะลักไทย

เรื่องของ การลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรม ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังคงมีให้เห็นบ่อยในช่วงนี้ ล่าสุด กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันเปิดเผยการตรวจยึดของกลาง “ฝุ่นแดง” ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ปริมาณมหาศาลกว่า 736,425 กิโลกรัม บรรจุใน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย)

แม้ดูเป็นข่าวอุตสาหกรรมทั่วไป แต่เบื้องหลังกลับสะท้อน “ปัญหาสิ่งแวดล้อม” ในระดับโลกซึ่งกำลังแทรกซึมเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเงียบงัน และอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนไทย หากไร้การจัดการอย่างเหมาะสม

“ฝุ่นแดง” คืออะไร? ทำไมต้องลักลอบนำเข้า?
“ฝุ่นแดง” คืออะไร? ทำไมต้องลักลอบนำเข้า?

“ฝุ่นแดง” คืออะไร? ทำไมต้องลักลอบนำเข้า?

ฝุ่นแดง หรือ Electric Arc Furnace Dust (EAF Dust) คือฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการหลอมเหล็กในเตาหลอมไฟฟ้า มักมีลักษณะเป็นผงละเอียด สีแดง เทา หรือดำ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบเหล็กและกระบวนการผลิต องค์ประกอบหลักของฝุ่นแดงคือ โลหะหนัก เช่น สังกะสี ตะกั่ว แคดเมียม และโครเมียม

แม้ว่าฝุ่นแดงจะเป็นของเสียอุตสาหกรรม แต่กลับมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงจากการสกัดโลหะมีค่า เช่น สังกะสีที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ข้อนี้เองที่ทำให้บางบริษัทเลือกใช้วิธีลักลอบนำเข้า โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย หรือการสำแดงเอกสารเท็จ เพื่อนำฝุ่นแดงจากต่างประเทศมาดำเนินการในไทยในลักษณะ “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” คือไทยไม่ใช่ผู้ผลิต ไม่ใช่ผู้บริโภค แต่กลายเป็นฐานหลอมของเสียแทน

ฝุ่นแดงที่ตรวจยึดในครั้งนี้ พบว่ามีการปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียมในปริมาณที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายชนิดที่ 3
ฝุ่นแดงที่ตรวจยึดในครั้งนี้ พบว่ามีการปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียมในปริมาณที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายชนิดที่ 3

เหตุใดฝุ่นแดงจึงถูกจัดเป็นวัตถุอันตราย?

ข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุว่าฝุ่นแดงที่ตรวจยึดในครั้งนี้ พบว่ามีการปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียมในปริมาณที่เข้าข่าย “วัตถุอันตรายชนิดที่ 3” ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และยังเข้าข่ายของเสียอันตรายตาม อนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) ที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย ทั้งนี้ การนำเข้าฝุ่นแดงเข้ามายังราชอาณาจักรโดยไม่ขออนุญาตจากกรมโรงงานฯ ถือเป็นการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งอาจมีโทษทั้งทางอาญาและแพ่ง รวมถึงต้องส่งของเสียกลับประเทศต้นทางทันที

ผลกระทบต่อสุขภาพ: ฝุ่นเล็กๆ แต่อันตรายใหญ่หลวง

ฝุ่นแดงเป็นสารพิษในรูปแบบอนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก เมื่อสูดดมหรือสัมผัสเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดจากโลหะหนัก หรือแม้แต่โรคมะเร็ง

หากปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร สารตะกั่ว และแคดเมียม อาจก่อพิษสะสมในร่างกาย ส่งผลต่อไต ตับ และการพัฒนาระบบประสาทในเด็กอย่างถาวร

ผลกระทบสิ่งแวดล้อม: พิษฝังลึกในดิน น้ำ และอากาศ

ฝุ่นแดงเป็นของเสียอันตรายที่ต้องได้รับการกำจัดด้วยกระบวนการพิเศษ หากไม่มีระบบจัดการที่ถูกต้อง อนุภาคโลหะหนักจากฝุ่นอาจแพร่กระจายสู่ดินและน้ำ ทำให้เกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม ฝุ่นละเอียดอาจลอยฟุ้งในอากาศ กระจายออกจากโรงงานไปยังชุมชนใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองคล้าย PM2.5 แต่มีอันตรายทางเคมีเพิ่มเข้ามาด้วย หากไม่ได้รับการตรวจสอบหรือควบคุม จะสร้างผลกระทบเรื้อรังต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

แถลงข่าวการตรวจยึดสินค้าที่เป็นวัตถุอันตรายนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม
แถลงข่าวการตรวจยึดสินค้าที่เป็นวัตถุอันตรายนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม

ใครอยู่เบื้องหลังการลักลอบนำเข้า?

จากแถลงข่าวการตรวจยึดสินค้าที่เป็นวัตถุอันตรายนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม  สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นสินค้าเข้าข่ายของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and Their Disposal) และของเสียเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการทีมสุดซอยเดินหน้าปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และกากอุตสาหกรรมอันตรายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “ฝุ่นแดง” ที่ตรวจพบการซุกซ่อนนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนนำเข้า มีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายพื้นที่ ทั้งจังหวัดปทุมธานี ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาคร จึงบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องจนพบว่า บริษัท เค เอ็ม ซี 1953 จำกัด ในตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นต้นตอลักลอบนำเข้าฝุ่นแดง 10,262 ตัน มาขายต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลฝุ่นแดง ในหลายพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย ขณะเข้าตรวจค้นบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดของกลางและพยานหลักฐาน ทำให้ได้ข้อมูลสำคัญจากเอกสารรายการขนส่งสินค้า (Cargo Tracking List) ว่าจะมีการนำฝุ่นแดงเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านท่าเรือกรุงเทพ จึงประสานด่วนที่สุดไปยังกรมศุลการกรเพื่อเฝ้าระวังการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รับนโยบายรัฐบาล ในการควบคุมการนำเข้าสินค้าอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ได้สำรวจสินค้าตกค้างตามบัญชีของค้างบัญชีเรือ LIST F ที่ 012/2568 (ฝบศ.2 สบศ.2) ใบตราส่ง CASA83377900 ผู้รับตราส่ง KMC 1953 CO., LTD สำแดงสินค้าเป็นผงสังกะสี (Zinc Concentrate) จากการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการ X-ray fluorescence (XRF) พบสินค้ามีลักษณะเป็นผงละเอียด สีน้ำตาล กลิ่นฉุน มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสังกะสีและเหล็ก โดยปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียม บรรจุถุงกระสอบในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 36 ตู้ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม

นายพรยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าดังกล่าวที่ตรวจสอบ มีลักษณะและองค์ประกอบสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นฝุ่นจากเตาหลอมเหล็ก หรือฝุ่นแดง ซึ่งปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียม จึงจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่เข้าข่ายเป็นของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ลำดับที่ 2.2 ตามบัญชี 5.2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลฯ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง โดยการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและยังไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ

“หลังจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority) ตามอนุสัญญาบาเซลฯ ของราชอาณาจักรไทย จะดำเนินการแจ้งการส่งคืน (Return Shipment) ตู้สินค้ากลับไปยังประเทศผู้ส่งออกต้นทางในทันที พร้อมแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะดำเนินคดีผู้นำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร พร้อมผลักดันตู้สินค้าดังกล่าวกลับประเทศต้นทาง การดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมศุลกากรในครั้งนี้ ยกเป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน”

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าว

มองปัญหาที่ใหญ่กว่า “ฝุ่น”...ทำไมไทยจึงเป็น “ปลายทาง” ขยะอุตสาหกรรม?

หลังจากประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะอุตสาหกรรมเมื่อปี 2018 ประเทศผู้ผลิตขยะจำนวนมาก เช่น สหรัฐฯ และในยุโรป เริ่มหาช่องทางส่งของเสียมายังประเทศกำลังพัฒนา โดยอาศัยช่องโหว่ต่างๆ นานา ในกรณีนี้ประเทศไทยอาจถูกใช้เป็น “ทางผ่าน” หรือแม้แต่ที่พัก กระทั่งที่หลอมขยะอันตราย โดยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ แต่กลับต้องแบกรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในระยะยาว

บทเรียนที่ไทยต้องทบทวน

การตรวจยึดฝุ่นแดงกว่า 736 ตันครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการจับกุมของเสียอันตราย หรือขยะพิษ แต่กระตุ้นให้รัฐไทยเร่งพัฒนาระบบการควบคุมของเสียอุตสาหกรรมจากต่างประเทศอย่างเข้มงวด พร้อมทบทวนกลไกอนุญาตการนำเข้าให้โปร่งใส มีการติดตามตรวจสอบและลงโทษที่เด็ดขาด นอกจากนี้ ยังควรส่งเสริมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืนภายในประเทศ และยกระดับกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ นับว่าประเทศไทยมาถูกทาง และต้องขอบคุณภาครัฐที่ลุยสุดซอยเพื่อสกัดกั้นทุกวิถีทางไม่ให้แผ่นดินที่เรารักกลายเป็น “ถังขยะโลก”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์