ธุรกิจรับส่งพัสดุมูลค่าตลาดมากกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท จากการเติบโตของตลาดออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การแข่งขันก็รุนแรง ตัวเลขที่รวบรวมได้มีบริษัทที่เปิดบริการรับส่งพัสดุมากกว่า 30 บริษัท มีทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก ๆ ได้เวลาตั้งแถวใหม่หรือยัง?
สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn) เป็นซีรีส์ที่ฉายทาง Netflix เล่าเรื่องราวของสตาร์ทอัพขนส่งพัสดุด่วนที่ต้องต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ Flash Express สตาร์ทอัพยูนิคอร์นตัวแรกของประเทศไทย
สิ่งที่น่าสนใจคือการแข่งขันในตลาดส่งพัสดุที่เกิดขึ้นจริง รายละเอียดเพิ่มจากจากในซี่รี่ส์ ผู้ประกอบการขนส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยมีผู้เล่นหลักหลายราย
-ไปรษณีย์ไทย เจ้าตลาดเดิม ทำมานาน ฐานข้อมูลแน่น เครือข่ายพร้อม ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 23.5%
-Kerry Express ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น KEX Express ผู้เล่นรายใหญ่ที่เคยครองตลาดถึง 20.1%
-Flash Express สตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่เติบโตอย่างรวดเร็วส่วนแบ่งตลาดประมาณ 17.4%
-DHL. ผู้เล่นระดับโลก ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 16.5%
-J&T Express. จากอินโดนีเซียที่เข้ามาแข่งขันอย่างดุเดือด ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 13.9%
-Lazada Logistics และ Shopee Express ขนส่งที่เป็นของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่รุกตลาดอย่างรวดเร็ว เหมือนกับขายพ่วงในการสั่งซื้อสินค้า เริ่มมีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น. ผู้ประกอบการรายอื่นเปิดตัวตามมา
การแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุด่วนของไทยมีความรุนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านราคา ซึ่งส่งผลให้หลายบริษัทประสบภาวะขาดทุน ข้อมูลผลประกอบการล่าสุดในปี 2566 แสดงให้เห็นว่า
Flash Express ขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ปี 2566 มีรายได้ 20,093 ล้านบาท ขาดทุน 559 ล้านบาท
Kerry Express (KEX) ขาดทุนต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ขาดทุนประมาณ 3,880. ล้านบาท
J&T Express ที่เคยทำกำไรได้ในปี 2565 กลับขาดทุนมากถึง 7 พันล้านบาทในปี 2566
ไปรษณีย์ไทย พลิกกลับมามีกำไรในปี 2566 หลังขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปี
Lazada Logistics และ Shopee Express ยังคงทำกำไรได้ต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนประสบความสำเร็จได้
การเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Lazada Logistics และ Shopee Express สามารถทำกำไรได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากมีฐานลูกค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง
การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในสภาวะที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ
การนำเทคโนโลยีมาใช้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและให้บริการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
การมีเครือข่ายที่ครอบคลุม การมีเครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศช่วยให้สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง
ปี 2568 ตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 1.15 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 18% ตามการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้หลายบริษัทประสบปัญหาขาดทุน และบางบริษัทต้องปิดกิจการหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อความอยู่รอด
บริษัทรับส่งพัสดุตั้งแต่เริ่มต้น มาจนถึงเวลานี้ มีประมาณ 35 บริษัท มีทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามาเปิดบริการ และเครือซิเมนต์ไทยก็เคยเปิด SCG Express รับส่งพัสดุด้วย แต่สุดท้ายก็ยกเลิกบริการนี้ไป บางชื่อ บางแบรนด์อาจไม่คุ้นเคย แต่มีหลายแบรนด์ให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับค่าส่ง และบริการ
บทสนทนาในซี่รี่ส์ในช่วงเปิดเรื่อง พูดถึงการหาธุรกิจใหม่ ๆ โดยให้นิยามว่า ‘ไปตั้งแถวใหม่’
เวลานี้อาจจะประเมินได้ว่า หางแถวของธุรกิจนี้ยาวมาก แต่ยังไม่มีใครกล้าออกจากแถว วิ่งมาตั้งแถวใหม่ ถ้าตลาดใหญ่พอแบ่งปัน ธุรกิจนี้ก็จะเดินต่อไป หากถึงเวลาที่ธุรกิจนี้ถดถอยลง ไม่พอแบ่ง ก็อาจจะมีการตั้งแถวใหม่เกิดขึ้น
สงครามส่งด่วน เป็นซีรีส์นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Netflix และ GDH สามารถชมได้ทาง Netflix ความยาว 7 ตอนจบ


