ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ระยะสั้น ‘บล.พาย’ เตือนพื้นฐานยังอ่อน หวั่นเศรษฐกิจไทยเหมือนเครื่องบินดับกลางอากาศ
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย (PI Securities) เปิดเผยมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยล่าสุดว่า แม้ดัชนีในวันนี้จะมีแรงรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ แต่โดยรวมยังคงต้องระวังต่อเนื่อง เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ และไม่มีปัจจัยหนุนระยะกลางถึงยาวที่ชัดเจน
หุ้นไทยปรับฐานตามเศรษฐกิจจริง
วทัญ ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่าตลาดภูมิภาคเมื่อวานนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดเคยปรับขึ้นรับข่าวเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนแบบระยะสั้น ทั้งที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้รองรับ โดยปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งการบริโภคในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนสูง, การส่งออกเริ่มชะลอตัว และการท่องเที่ยวที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
“เศรษฐกิจไทยตอนนี้เหมือนเครื่องบินที่เครื่องยนต์ค่อยๆ ดับลงทีละตัว ทั้งการบริโภค การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ ล้วนชะลอลงหมด”
กลุ่มท่องเที่ยว: รายได้ไม่โต PE เริ่มถูกปรับลด
สำหรับกลุ่ม หุ้นท่องเที่ยว วทัญมองว่ารายได้และกำไรที่ไม่เติบโต ส่งผลให้ตลาดเริ่มลดการให้พรีเมียม (Valuation) ต่อหุ้นกลุ่มนี้อย่างชัดเจน เช่น AOT, CENTEL, MINT, SPA ที่ปรับตัวลงแรง บางตัวต่ำกว่าราคาช่วงโควิด เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงกว่า 2.5% ในช่วงล่าสุด และยังเจอแรงกดดันเพิ่มเติมจากช่วงโลว์ซีซั่น และความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดกลับมาอีกครั้ง
กลุ่มโรงพยาบาล: เก็งกำไรได้ แต่ไม่ใช่ขาขึ้นระยะยาว
วทัญยังกล่าวถึงกลุ่ม โรงพยาบาล ว่าแม้ข่าวการกลับมาระบาดของโควิดอาจกระตุ้นหุ้นกลุ่มนี้ในระยะสั้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้กังวลเรื่องโควิดเหมือนเดิม
“ถ้ามองหุ้นโรงพยาบาลที่ยังพอเก็งกำไรได้ระยะสั้น แนะนำ BDMS เพราะมีฐานลูกค้ากระจาย ทั้งคนไทยและต่างชาติ และผลประกอบการล่าสุดยังเติบโตได้ดี ขณะที่โรงพยาบาลอื่น เช่น บำรุงราษฎร์ เริ่มชะลอตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่ลดลง”
งบประมาณรัฐไม่ใช่คำตอบหลักของตลาด
ในประเด็น กฎหมายงบประมาณ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในสภา วทัญมองว่าไม่ได้มีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้นนัก เนื่องจากการลงทุนภาครัฐมีสัดส่วนต่อ GDP ค่อนข้างต่ำราว 10% เท่านั้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ การส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นหลัก
รอจังหวะซื้อหาก SET ย่อที่ 700-800 จุด ชูหุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนใจหาก 'Buy on Dip'
ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน วทัญยังแนะนำว่า " ไม่รีบ ส่วนตัวมองว่าจะรอ SET ย่อตัวลงมาที่ระดับ 700-800 จุด ค่อยซื้อ เพราะตอนนี้ SET ที่ระดับพันกว่าๆ มองว่า Valuation ยังไม่ตรงใจเท่าไหร่ แม้หุ้นหลายตัวจะปรับตัวลงแรง และบางตัวต่ำกว่าช่วงโควิดก็ตาม โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ผลประกอบการดี เช่น CPALL, AOT ก็ยังถูกขายออกต่อเนื่อง แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะกลางที่ยังไม่ฟื้น หากจะมองจุด Buy on Dip จริงๆ กลุ่มแบงก์อาจจะน่าสนใจบ้าง เพราะราคาหุ้นไม่แพง และมีปันผล แต่ไม่ใช่หุ้นที่คาดหวังการเติบโตแรงได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้”