ขยะไม่จบที่ถังขยะ! TCP ดันระนองโมเดลใช้หลัก EPR พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

13 มิ.ย. 2568 - 07:00

  • เมื่อขยะไม่จบลงที่ถังขยะ! บทพิสูจน์ของการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนเริ่มต้นที่ชุมชน

  • EPR คืออะไร และดีต่อโลกอย่างไร?

  • TCP ปลุกพลังความยั่งยืนขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ผนึกกำลัง IUCN และชุมชน นำร่องแนวคิด EPR สร้างโมเดลจัดการขยะสู่เทศบัญญัติท้องถิ่น

ขยะไม่จบที่ถังขยะ! TCP ดันระนองโมเดลใช้หลัก EPR พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

กลุ่มธุรกิจ TCP ประกาศความสำเร็จจากโครงการ “TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่ร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และชุมชน โดยใช้หลักการ Extended Producer Responsibility (EPR) หรือความรับผิดชอบของผู้ผลิตต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตบรรจุภัณฑ์ เป็นแนวทางหลักในการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ที่ไม่เพียงแค่ลดขยะ แต่ยังเชื่อมโยงสู่การออกแบบนโยบายระดับท้องถิ่น สนับสนุนเป้าหมายด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน และ Net Zero ของประเทศในระยะยาว

สำหรับโครงการนำร่องในตำบลหงาว และตำบลบางนอน จังหวัดระนอง เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2565 - 2567 โดยยึดหลัก EPR ซึ่งมุ่งขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตไปจนถึงปลายทางของผลิตภัณฑ์ เช่น การนำบรรจุภัณฑ์กลับมาเข้าสู่ระบบรีไซเคิล หรือการกำจัดอย่างเหมาะสม ผ่านความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และภาควิชาการ โดยผลการดำเนินงานที่เด่นชัด ได้แก่ การลดขยะตกค้างในพื้นที่ชุมชน การจัดตั้งธนาคารขยะ การสร้างรายได้เสริมให้ชุมชน และที่สำคัญคือการผลักดันให้เกิด เทศบัญญัติการจัดการขยะในตำบลหงาว ซึ่งถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการบูรณาการแนวคิด EPR เข้าสู่กลไกภาครัฐในระดับพื้นที่

sustainability-epr-tcp-iucn-ranong-model-SPACEBAR-Photo01.jpg

EPR คืออะไร และดีต่อโลกอย่างไร?

Extended Producer Responsibility (EPR) หรือหลักความรับผิดชอบของผู้ผลิตที่ขยายออกไป เป็นแนวคิดที่ให้ผู้ผลิตรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต โดยเฉพาะเมื่อสิ่งนั้นกลายเป็นขยะในมือผู้บริโภค ไม่ว่าจะในรูปแบบการเก็บกลับ (take-back), การรีไซเคิล หรือการกำจัดอย่างปลอดภัย

หลักการของ EPR โดยสรุป

  • ผู้ผลิตรับผิดชอบ “หลังการขาย” เช่น ระบบคืนบรรจุภัณฑ์หรือส่งเสริมการรีไซเคิล
  • กระตุ้นให้ผู้ผลิตออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  • ลดภาระของภาครัฐและท้องถิ่นในการจัดการขยะ
  • สนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

แล้ว EPR ดีต่อโลกอย่างไร?

  • ลดขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อม
การมีระบบจัดเก็บและรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยให้ขยะไม่หลุดรอดไปสู่ธรรมชาติ
  • กระตุ้นการออกแบบที่ยั่งยืน
ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีแนวโน้มใช้วัสดุน้อยลง ย่อยสลายง่าย หรือสามารถรีไซเคิลได้ดีขึ้น
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG)
การรีไซเคิลวัสดุแทนการผลิตใหม่จากวัตถุดิบดั้งเดิม ช่วยลดการใช้พลังงานและมลพิษจากการเผาไหม้
  • สร้างงานในท้องถิ่น
ระบบคัดแยกและจัดการขยะอย่างครบวงจร เปิดโอกาสให้เกิดอาชีพใหม่ เช่น พนักงานคัดแยก รีไซเคอร์ หรือกลุ่มเก็บขยะรีไซเคิล
  • สนับสนุนเป้าหมาย SDGs หลายเป้าหมาย
เช่น SDG 12 (การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน), SDG 13 (การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ), และ SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อเป้าหมายการพัฒนา)

ทำไมประเทศไทยควรเร่งใช้ EPR?

ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตขยะ โดยเฉพาะพลาสติกที่มีอัตราการใช้สูงติดอันดับโลก ปัจจุบันขยะพลาสติกตกค้างในทะเลไทยหลายหมื่นตันต่อปี และหลายชุมชนยังไม่มีระบบจัดการที่ครบวงจร แนวคิด EPR จึงเป็นทางออกสำคัญที่ไม่เพียงช่วยลดมลภาวะ แต่ยังช่วยกระจายภาระการจัดการขยะจากรัฐสู่ผู้ผลิต และสร้างระบบที่ยั่งยืนจากต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 ของประเทศไทย

sustainability-epr-tcp-iucn-ranong-model-SPACEBAR-Photo02.jpg

นางสาวอาจรีย์ สุวรรณกูล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า “โครงการ ‘TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน’ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ภายใต้เป้าหมาย ‘ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า’ เราร่วมพัฒนาโมเดล EPR สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร ซึ่งต่อมาได้นำมาทดลองใช้จริงภายในองค์กร โดยบทเรียนที่จากการทำงานร่วมกับ IUCN และชุมชนทำให้เราเข้าใจปัญหาในแต่ละจุดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันโครงการนี้ก็ทำให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมและระบบจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม จึงถือได้ว่าเป็นบทพิสูจน์ของความร่วมมือที่สร้างประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติ”

จังหวัดระนอง ถูกเลือกเป็นพื้นที่นำร่องเนื่องจากมีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมแต่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชุมชนอย่างลึกซึ้ง โครงการได้ส่งเสริมการแยกขยะและการเก็บคืนบรรจุภัณฑ์เข้าสู่ระบบรีไซเคิล ทำให้ขยะในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านกองทุนบุญ และธนาคารขยะ

sustainability-epr-tcp-iucn-ranong-model-SPACEBAR-Photo03.jpg

จากพื้นที่นำร่องสู่โมเดลระดับประเทศ

กรณีศึกษาจังหวัดระนองได้สะท้อนให้เห็นว่า แนวทาง EPR เมื่อทำงานร่วมกับภาคเอกชน ชุมชน และหน่วยงานวิชาการ สามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม มีการเก็บคืนวัสดุรีไซเคิลกว่า 129,193.50 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 490,062.85 บาท  นับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปลุกพลังความร่วมมือในการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เมื่อบทเรียนในระดับพื้นที่สามารถต่อยอดเป็นนโยบายในระดับประเทศได้อย่างมั่นคง โมเดล EPR จึงอาจกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่สมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน

sustainability-epr-tcp-iucn-ranong-model-SPACEBAR-Photo04.jpg

ด้าน ดร.ภัทรียา สวนรัตนชัย ผู้อำนวยการแผนงานประเทศไทย IUCN ระบุว่า ในฐานะองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ IUCN มีบทบาทในการสนับสนุนเชิงเทคนิคตลอดกระบวนการ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อองค์ความรู้ทางวิชาการนำไปประยุกต์ร่วมกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะบทบาทนำของกลุ่มธุรกิจ TCP และความมุ่งมั่นของชุมชนในพื้นที่ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เราเชื่อมั่นว่าชุมชนที่ผ่านโครงการนี้จะสามารถเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในฐานะวิทยากรหรือที่ปรึกษาในการต่อยอดแนวทางอย่างเหมาะสมต่อไป

“ปัจจุบันชุมชนมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ จนแทบไม่พบขยะตกค้างในพื้นที่ เพราะชาวบ้านได้ตระหนักถึงคุณค่าของขยะ ต้องขอบคุณโครงการนี้ที่เข้ามาปลูกฝังพฤติกรรมใหม่ให้กับชุมชน และยังช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับครัวเรือน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนไปในเวลาเดียวกัน”

นางวาสนา รอดยวน ประธานกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลบางนอน กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่


ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของระบบที่พัฒนาขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจ TCP พร้อมปลุกพลังเดินหน้าต่อยอดบทเรียนที่ได้เพื่อพัฒนาเป็นแนวปฏิบัติที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายบริบทอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังพร้อมส่งต่อบทเรียนดังกล่าวให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการออกแบบนโยบายด้านการจัดการขยะที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและเป้าหมาย Net Zero ในระดับประเทศ

sustainability-epr-tcp-iucn-ranong-model-SPACEBAR-Photo06.jpg

เชื่องโยง EPR กับ SDGs

หลัก EPR ที่ปรับใช้ในโครงการนี้ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะ SDG 12 :การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน ที่เน้นการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ, SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการลดขยะและมลพิษ, SDG 15: การอนุรักษ์ระบบนิเวศบนบก และ SDG 17: ความร่วมมือเพื่อเป้าหมายการพัฒนา ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนด้วยโมเดล EPR และความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และชุมชน ถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาขยะและมลพิษในระดับพื้นที่ พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์