Pride เปลี่ยนโลกได้อย่างไร? ชวนถอดรหัสความเท่าเทียมในมิติความยั่งยืน

4 มิ.ย. 2568 - 03:41

  • Pride Month กับ SDGs บทพิสูจน์อนาคตที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากความเท่าเทียม

Pride เปลี่ยนโลกได้อย่างไร? ชวนถอดรหัสความเท่าเทียมในมิติความยั่งยืน

...เชื่อหรือไม่ว่า “Pride Month” ของ LGBTQIAN+ ไม่ใช่แค่พาเหรดแห่งสีสัน หรือการยอมรับ แต่คือกุญแจสู่ความยั่งยืน


ในวันที่คำว่า “ความยั่งยืน” กลายเป็นวาทกรรมหลักของการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 คำถามสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ มีใครบ้างที่ถูกนับรวมอยู่ในวิสัยทัศน์ของอนาคตนั้น? ท่ามกลางแผนแม่บทด้านสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือเมืองอัจฉริยะ ภาพในอนาคตเหล่านั้นเป็นการสร้างโลกที่ดีขึ้นเพื่อ “ทุกคน” แล้วคำว่า “ทุกคน” ในที่นี้รวมถึงผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ด้วยใช่ไหม?

 ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) คือตัวอย่างของประชากรที่มักถูกมองว่าอยู่ชายขอบทั้งในเชิงนโยบาย เศรษฐกิจ สาธารณสุข และแม้แต่ในบทสนทนาของสาธารณะเอง จนมิติเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จึงมีแนวคิดว่าหากเรายังไม่สามารถสร้างสังคมที่ยอมรับความแตกต่างและรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่าง “เท่าเทียม” คำว่า “ยั่งยืน” โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังก็อาจไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

เราจึงเคยเห็นภาพการเรียกร้องสิทธิ การแสดงออกด้านเสรีภาพของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แอคชั่นแบบนี้แหละที่ทำให้ “Pride Month” ไม่ใช่แค่เทศกาลแห่งสีสัน แต่คือบทพิสูจน์ว่า “ความเท่าเทียม” คือตัวเร่งของการพัฒนาอย่างแท้จริง

Bangkok Pride Festival 2025
Bangkok Pride Festival 2025

Pride and Progress: ความหลากหลายทางเพศคือหัวใจของสังคมที่ยั่งยืน

ในเดือนมิถุนายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกจะร่วมกันเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ Stonewall Riots หรือการประท้วงที่เกิดขึ้นในปี 1969 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของขบวนการเรียกร้องสิทธิของกลุ่ม LGBTQIAN+

แม้ในภาพรวม Pride Month จะเป็นที่รู้จักในฐานะเทศกาลของสีสันและขบวนพาเหรดที่เฉลิมฉลองอัตลักษณ์ แต่ในอีกแง่หนึ่งนี่คือการเคลื่อนไหวที่มีนัยทางสังคมและสิทธิมนุษยชนอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญคือเชื่อมโยงโดยตรงกับแนวคิดเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะในประเด็นว่าด้วย “ความเท่าเทียม” และ “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

...เพราะ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม

ในความเข้าใจทั่วไป คำว่า “ความยั่งยืน” มักเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม โลกร้อน การลดการปล่อยคาร์บอน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการกับขยะและมลพิษ หรือการอนุรักษ์ป่าไม้ แต่ในความเป็นจริง SDGs ครอบคลุมถึงมิติทางสังคมและเศรษฐกิจไม่แพ้กัน และหากเราต้องการบรรลุ SDGs ให้ได้ภายในปี 2030 กลุ่ม LGBTQIAN+ ต้องถูกนับรวมทั้งในเชิงนโยบาย

ประเด็นด้านความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง และการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงในนโยบายสาธารณะ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Social Sustainability หรือ “ความยั่งยืนทางสังคม” ซึ่งหมายถึงสังคมที่ “ทุกคน” สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิทธิ และเสียงอย่างเท่าเทียม

Bangkok Pride Festival 2025
Bangkok Pride Festival 2025

Queer Rights = Human Rights

ลองนึกถึงเมืองที่ทุกคนสามารถแสดงออกได้อย่างปลอดภัย ทั้งในที่สาธารณะ สถานที่ทำงาน หรือโรงเรียน เมืองที่กฎหมายไม่ตีตราหรือเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เมืองที่นโยบายด้านสุขภาพ การศึกษา และเศรษฐกิจ ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร ทั้งหมดนี้ไม่ได้พิเศษ แต่คือสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม การมีสิทธิในครอบครัวและการแต่งงาน การได้รับการคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน หรือแม้แต่สิทธิในการมีตัวตนทางกฎหมาย เพราะ “เมืองยั่งยืน” ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) จะไม่ประสบผลสำเร็จ หากไม่รวมถึงสิทธิของกลุ่ม LGBTQIAN+ ด้วย เพราะประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality) และการลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities) ล้วนเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนที่ถูกมองข้ามมาตลอดในประวัติศาสตร์


Bangkok Pride Festival 2025
Bangkok Pride Festival 2025

LGBTQIAN+ กับ SDGs: ความเชื่อมโยงที่ไม่อาจมองข้าม

เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality)

แม้ชื่อของเป้าหมายที่ 5 จะดูเน้นไปที่ความเท่าเทียมระหว่างหญิงและชาย แต่ความหมายที่แท้จริงต้องครอบคลุมทุกอัตลักษณ์ทางเพศ บุคคล LGBTQIAN+ ยังคงเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการกีดกันในหลายพื้นที่ของโลก ทั้งในชีวิตประจำวันและในระบบกฎหมาย การบรรลุเป้าหมายนี้จึงจำเป็นต้องมีการรับรองสิทธิของกลุ่มเพศหลากหลายอย่างครอบคลุม และขจัดอคติที่ฝังลึกในวัฒนธรรมและสถาบันต่างๆ

เป้าหมายที่ 10 การลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities)

ความเหลื่อมล้ำที่บุคคล LGBTQIAN+ ประสบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องรายได้หรือฐานะทางเศรษฐกิจ แต่รวมถึงการถูกปฏิเสธสิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา การมีงานทำ และการมีส่วนร่วมในชีวิตสาธารณะอย่างเท่าเทียม การลดความเหลื่อมล้ำจึงต้องออกแบบนโยบายและระบบที่ยอมรับความหลากหลายของประชากร และสร้างโครงสร้างสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น

เป้าหมายที่ 16 สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง

ในหลายประเทศ กลุ่ม LGBTQIAN+ ยังคงเผชิญกับความรุนแรงจากอคติ การเลือกปฏิบัติจากตำรวจ หรือแม้แต่การไม่รับรองสิทธิในระบบยุติธรรม การสร้างสังคมที่ยุติธรรมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจึงต้องมีสถาบันที่พร้อมรับฟังและปกป้องสิทธิของกลุ่มชายขอบ พร้อมทั้งสร้างกลไกการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ

เป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการบรรลุเป้าหมาย

การขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBTQIAN+ ไม่สามารถทำได้โดยภาครัฐเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ ประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศ และชุมชนเอง เป้าหมายที่ 17 จึงเป็นพื้นฐานของความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพราะความยั่งยืนไม่ใช่ภารกิจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือพันธกิจร่วมของทั้งโลก

นอกจากเป้าหมายหลักข้างต้น สิทธิและศักดิ์ศรีของบุคคล LGBTQIAN+ ยังมีความเชื่อมโยงกับ SDGs อื่นๆ ได้แก่

  • เป้าหมายที่ 3: การเข้าถึงบริการสุขภาพที่ปลอดจากการตีตราและเลือกปฏิบัติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งกายและใจ
  • เป้าหมายที่ 4: การศึกษาที่ปลอดภัยและไม่กีดกัน ซึ่งเป็นรากฐานของการสร้างสังคมที่เข้าใจความหลากหลาย
  • เป้าหมายที่ 8: งานที่มีคุณค่า โดยปราศจากอคติทางเพศสภาพหรืออัตลักษณ์ทางเพศ
  • เป้าหมายที่ 13: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง รวมถึง LGBTQIAN+ ที่อาจไม่มีที่พึ่งหรือทรัพยากรในการรับมือภัยพิบัติ
สมรสเท่าเทียม บทบาทของประเทศไทยจากการแก้กฎหมายสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
สมรสเท่าเทียม บทบาทของประเทศไทยจากการแก้กฎหมายสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม

บทบาทของประเทศไทยจากการแก้กฎหมายสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม

ในประเทศไทย การผ่านความเห็นชอบ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม โดยสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศในเชิงกฎหมาย บนพื้นฐานความรักไม่มีเงื่อนไขและความเท่าเทียมในสังคมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจของความยั่งยืน

นอกจากนี้ หลายเมืองในประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพมหานคร ต่างให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่สาธารณะและบริการสาธารณะที่เป็นมิตรกับทุกเพศ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจในไทยก็เริ่มขยับตัว โดยมีนโยบายด้าน DEI (Diversity, Equity, Inclusion) อย่างจริงจัง ทั้งนี้ ข้อมูลจาก World Economic Forum ชี้ว่าองค์กรที่มีความหลากหลายในระดับผู้นำ มักมีแนวโน้มสร้างนวัตกรรมได้สูง และมีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนมากกว่า

วันนี้ในโลกที่ต้องเผชิญกับความท้าทายซ้อนทับ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤติเศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำทางสังคม การยืนหยัดเพื่อสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เพียงการเรียกร้องความยุติธรรม แต่คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ

“Pride Month” จึงไม่ใช่เพียงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราจะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายระดับโลกหากยังคงทิ้งใครไว้ข้างหลัง และการตราสิทธิ LGBTQIAN+ ไว้อย่างเท่าเทียมในทุกมิติของนโยบาย สังคม และเศรษฐกิจ คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงของอนาคตที่ยั่งยืน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์