#หมอลาออก (2): เสียงสะท้อนจากอินเทิร์น ไม่อดทนหรือการทำงานไม่เป็นธรรม?

4 ก.ค. 2566 - 07:04

  • การทำงานนอกเวลาแบบไม่มีที่สิ้นสุด เงินเดือนน้อย สุขภาพย่ำแย่ แรงกดดันจากสังคมและอำนาจนิยมในระบบสตาฟฟ์อาวุโสที่กดทับ คือ ความท้าทายที่แพทย์เพิ่มพูนทักษะในปัจจุบันต้องเผชิญ และกลายเป็นต้นเหตุของการลาออกจำนวนมาก

TAGCOUD-the-great-resignation-of-intern-doctors-is-just-the-tip-of-the-iceberg-2-SPACEBAR-Hero
จากดราม่า #หมอลาออก ที่เป็นประเด็นร้อนเมื่อต้นเดือนมิถุนายน สู่เหตุสลด ‘หมอมีน’ น.ส.ญาณิศา สืบเชียง แพทย์เพิ่มพูนทักษะจากโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุขับรถชนตอนกลางคืน และข่าวนักศึกษาแพทย์ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง ทำให้สังคมกลับมาตั้งคำถามอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการแพทย์ไทย และปัญหานี้ควรจะได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริงเสียที 

ในบทความตอนแรก #หมอลาออก (1): แพทย์ไทย ‘แบก’ อะไร นอกจากอันดับโลก SPACEBAR ได้นำเสนอประเด็นชั่วโมงการทำงานนอกเวลาของแพทย์ไทยที่มากถึง 60-100 ชั่วโมง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึง ‘อินเทิร์น’ ตัดสินใจลาออกจาก ‘ระบบ’ ของภาครัฐ’  

คราวนี้ เราชวนบุคลากรทางการแพทย์ อดีตหมออินเทิร์นที่เป็นปัจจุบันเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ 2 จากโรงพยาบาลชุมชนในภาคใต้ มาสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบ ‘ราชการ’ ของวงการที่เป็นเสาหลักสุขภาพของคนไทย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5qG58hPhlfgwoaPan3iFoO/25d16ad8ae7d2b4ed85659e833c87516/TAGCOUD-the-great-resignation-of-intern-doctors-is-just-the-tip-of-the-iceberg-2-SPACEBAR-Photo01
Photo: หมออินเทิร์นบางคนที่อยู่เวรต้องทำงาน 16 ชั่วโมงต่อวัน ท่ามกลางสภาพการทำงานที่กดดันจากภาวะอารมณ์และความรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ป่วย

หมออินเทิร์น: คนรุ่นใหม่ไม่อดทน หรือการทำงานไม่เป็นธรรม? 

อย่างน้อย 16 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 960 นาที 
คือระยะเวลาการทำงานนอกเวลาหรือ ‘การอยู่เวร’ ของหมออินเทิร์นสังกัดโรงพยาบาลรัฐใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 
ตัวเลขนี้ถือว่าสูงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับอาชีพทั่วไปที่ทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง/ วัน ตามกฎหมายแรงงาน 

ยังไม่รวมชั่วโมงการทำงานใน ‘เวลาราชการ’ 

“ถ้าเป็นวันปกติ จะอยู่เวรหอพักผู้ป่วยทั่วไปตั้งแต่ 4 โมงครึ่งจนถึง 8 โมงเช้าค่ะ เวรวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการก็จะอยู่ถึง 24 ชั่วโมงเลย บางคนต้องทำงาน 24 ชั่วโมงหลายครั้ง” หมออินเทิร์นกล่าว 

เอ (นามสมมติ) เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในฐานะแพทย์เพิ่มพูนทักษะในจังหวัดสงขลาให้ฟังว่า ปีแรกเธอฝึกงานเป็นอินเทิร์นหนึ่งที่โรงพยาบาลศูนย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นศูนย์กลางที่รับเคสคนไข้จากโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ มาดูแลรักษา จึงขึ้นชื่อว่า ‘งานเยอะ’ จึงมีอุปกรณ์ค่อนข้างครบถ้วนและมีหมอเฉพาะทาง 

“พอเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลรัฐ งานจะหนักค่ะ เพราะรับคนไข้ไม่จำกัดจำนวน จะมีเตียงเสริมให้เรื่อยๆ โดยเฉพาะแผนกอายุรกรรม เสริมได้ถึง 20-30 เตียงเลย บางทีมีคนไข้นอนอยู่หน้าลิฟต์ ต่างจากโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ที่จะจำกัดจำนวนเตียง ด้วยเรื่องสิทธิการรักษา และทรัพยากรที่ไม่อาจไม่เพียงพอด้วย โรงเรียนแพทย์จะรับเฉพาะเคสที่ซับซ้อน หมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลศูนย์ดูแลไม่ไหว ก็จะส่งต่อไปที่นี่” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6eNHiMTTNfiQRj1gVocRJA/e97ffefc948c0d1da81225a20e50e3d1/TAGCOUD-the-great-resignation-of-intern-doctors-is-just-the-tip-of-the-iceberg-2-SPACEBAR-Photo02
Photo: ช่วงผู้ป่วยเยอะ หมออินเทิร์นจำเป็นต้องอยู่เวรลากยาวเต็มโควต้า 15 วันต่อเดือน
เมื่อจำนวนคนไข้เยอะ แพทย์ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง อินเทิร์นจึงต้องอยู่เวร 15 วันต่อเดือน ซึ่งเป็นไปตามโควต้าสูงสุดที่แพทยสภากำหนดไว้ (อยู่เวรไม่เกิน 15 วัน) 

“ใน 15 เวร จะมีทั้งวันที่เราอยู่วอร์ดผู้ป่วยและเวรแผนกฉุกเฉิน เราทำงานตลอดเลย เพราะคนไข้ค่อนข้างเยอะ ช่วงแรกปรับตัวยากมาก บางวันอยู่เวรดึกตอนเที่ยงคืนครึ่งจนถึง 8 โมงเช้า แล้วต้องไปทำงานต่อในวอร์ดผู้ป่วย” 

จากคำบอกเล่าของเอ (นามสมมติ) เวลาทำงานปกติเริ่มตั้งแต่ 7.30 - 17.30 น. แต่ละแผนกเลิกไม่ตรงกัน ตกวันละประมาณ 10-11 ชั่วโมง และยังต้องอยู่เวร 15 ครั้ง โดยมีทั้งการอยู่เวรในหอพักผู้ป่วยและห้องฉุกเฉิน 

“งานของเราค่อนข้างเยอะ ถ้าขอลาครึ่งวันไปพัก คนที่ทำงานอยู่ก็จะทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า ทำให้เรารู้สึกเกรงใจ ก็เลยต้องฝืนช่วยกันไป มีเวลางีบประมาณครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง ก็ต้องไปทำงานต่อจนถึงเย็น” เธอเล่าถึงการทำงานในแต่ละวัน 

ชีวิตไร้บาลานซ์ งานท็อกซิก เพิ่มความเสี่ยงของหมอและคนไข้ 

เป็นที่รู้กันว่าการทำงานหนักเกินไปทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคนเราลดลง ประเด็นนี้ไม่เว้นแม้แต่วงการสาธารณสุข ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่คนส่วนใหญ่เห็นตรงกัน 

“ในหนึ่งปี เราได้หยุดจริงๆ ไม่ถึง 10 วันด้วยซ้ำ หมอในโรงพยาบาลศูนย์ทำงานกัน  7 วัน ถึงจะเป็นวันหยุด เราก็ต้องมาดูคนไข้ช่วงเช้า เวลาพักผ่อนจึงค่อนข้างน้อย” 

เธอเผยว่าถึงจะมีวันลาประจำปี 10 วัน (ไม่นับลาป่วย) แต่ด้วยภาระที่เยอะ ทำให้หลายๆ คนไม่กล้าลาหรือรู้สึกผิดที่ต้องลา เนื่องจากงานที่รับผิดชอบจะไปตกอยู่กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าอาจารย์แพทย์จะให้ลาได้ แต่ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องการให้ลาติดต่อกันเกิน 2 วัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1wfdPscLE9rufxw32XDtBl/c2164e3b395cdc0ba88384cafd056089/TAGCOUD-the-great-resignation-of-intern-doctors-is-just-the-tip-of-the-iceberg-2-SPACEBAR-Photo03
Photo: แม้อาชีพหมอจะมีรายได้ที่ดี แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลา ทั้งเวลาชีวิตส่วนตัวและเวลาพักผ่อนหย่อนใจ
นอกจากนี้ตอนที่เธอต้องย้ายไปฝึกงานที่โรงพยาบาลอำเภอ ยังไม่สามารถลาเพื่อเก็บของและขนย้าย หรือเลี้ยงส่งกับเพื่อนๆ เหมือนกับอาชีพทั่วไปได้เลย เพราะเธอต้องเริ่มงานใหม่ในวันถัดไปทันที 

อินเทิร์นทำหน้าที่เหมือนกับแพทย์ทั่วไป (General Practitioner แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป) และต้องตัดสินใจหน้างานว่าควรส่งคนไข้ไปที่แผนกไหน 

“ซึ่งค่อนข้างกดดัน เพราะบางเรื่องเราไม่ได้รู้ 100% ซึ่งส่วนใหญ่เราต้องแยกให้ออกทันทีว่าเคสนี้มีผลต่อชีวิตคนไข้หรือเปล่า ต้องรีบดำเนินการรักษาทันที หรือบางเคสไม่ได้รีบ เพราะไม่ได้มีผลให้คนไข้เสียชีวิต ซึ่งตอนอยู่โรงพยาบาลศูนย์ เราสามารถโทรขอคำปรึกษาจากแพทย์พี่เลี้ยงและให้เขาลงมาดูทันทีได้ แต่พออยู่โรงพยาบาลชุมชน เราไม่มีแพทย์เฉพาะทาง แต่มีระบบการขอคำปรึกษาจากแพทย์และติดต่อไปยังแผนกเฉพาะทาง หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ เขาจะให้เราส่งต่อคนไข้มาที่โรงพยาบาลศูนย์ได้เลย ข้อดีของโรงพยาบาลศูนย์คือ มีแพทย์เฉพาะทางเยอะ” 

นอกจากต้องรับมือกับความกดดันแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่ออินเทิร์นและแพทย์จำนวนมากคือ การเจอสตาฟฟ์หรืออาจารย์แพทย์ที่พูดจาทำร้ายจิตใจและปฏิบัติไม่ดี ซึ่งเปรียบเหมือนกับ ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ที่ทำให้ตัดสินใจลาออกในที่สุด 

“เพื่อนรุ่นเดียวกันลาออกไปประมาณ 2-3 คน มีทั้งคนที่ลาออกตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ และเป็นอินเทิร์น ด้วยเรื่องความกดดัน ความเครียดจากการเรียนและการสอบ บางคนซึมเศร้าและต้องพบจิตแพทย์ บางคนขอคำปรึกษาจากอาจารย์ แต่โดนเหวี่ยงกลับ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี โดนต่อว่า ด่า ทำให้เสียความมั่นใจ เกิดความเครียด จนดร็อปเรียนไปก่อน แล้วกลับมาเรียนใหม่ มันมีทั้งอาจารย์ที่ดีต่อใจและเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเป็นแบบเขา มีตัวอย่างที่ดีและไม่ดี เพื่อนร่วมงานที่โดนกระทำก็เสียความรู้สึก คนไข้ก็เป็นอันตรายไปด้วย” 

“แต่ก็มีเพื่อนที่ลาออก เพราะมีปัญหาสุขภาพ อาชีพหมอส่งผลต่อความเครียด ทั้งเรื่องภาระงาน แรงกดดัน และเวลาพักผ่อนน้อย ทำให้เขาเลือกลาออกจากระบบราชการไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแทน ซึ่งสวัสดิการและค่าตอบแทนค่อนข้างดีกว่า 

“ดังนั้นคนที่ยังอยู่ในระบบ (ของรัฐ) ได้ก็ต้องเข้มแข็งมาก” 

โรงพยาบาลชุมชน: ข้อดีและข้อจำกัด 

ปัจจุบันเธอทำงานเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ 2 ในโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ด้วยปริมาณเตียงที่มีจำกัด คนไข้ไม่เยอะ ภาระงานจึงลดลงและจัดการได้อย่างเป็นระบบ มีเวลาพักผ่อนจริงๆ และมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงเน้นการทำงานเป็นทีม ขณะเดียวกันก็เจอปัญหาอื่นๆ เช่น ขาดแคลนอุปกรณ์การรักษา ต้องส่งผลตรวจเลือดไปยังห้องแล็บซึ่งใช้เวลา 3 วัน ถึงจะรู้ผล ทำให้การตรวจวินิจฉัยและการรักษาล่าช้าไปด้วย ต่างจากโรงพยาบาลศูนย์ที่มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบครัน และรู้ผลตรวจเลือดภายใน 1 ชั่วโมง 

“ถ้าคนไข้อาการแย่ เราจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ได้เลย เพราะโรงพยาบาลชุมชนจะไม่ดูเคสที่เกินศักยภาพ ส่วนเคสที่นอนในห้องฉุกเฉินจะเป็นเคสที่มีอาการค่อนข้างทรงตัว” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2K6XRJapzGqPCvNpoxofCA/35c23de61f6ef4a50557925665f2ecc0/TAGCOUD-the-great-resignation-of-intern-doctors-is-just-the-tip-of-the-iceberg-2-SPACEBAR-Photo04
Photo: ผู้ป่วยรอพบหมอเพื่อตรวจและรักษาเป็นภาพชินตาในโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข
ปัจจุบันมีการแก้ปัญหานี้ด้วยการเปิดทุนให้แพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนไปเรียนต่อด้านแพทย์เฉพาะทาง และกลับมาทำงานในโรงพยาบาลชุมชน เพราะเพิ่มจำนวนแพทย์เฉพาะทางในระดับชุมชน เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญ ทางโรงพยาบาลก็สามารถทำเรื่องขยายโรงพยาบาล เบิกยา และอุปกรณ์เครื่องมือรักษาได้มากขึ้น และลดความล่าช้าของการรักษา 

อย่างไรก็ตาม การผลิต ‘แพทย์’ แบบเน้นจำนวนไม่ได้แก้ปัญหาระบบสาธารณสุขไทยที่ต้นเหตุ แต่ควรทำควบคู่กันไปกับการปรับปรุงระบบราชการที่ล่าช้าให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มสวัสดิการ ค่าตอบแทน และความปลอดภัย 

รวมถึงนำความคิดจากอินเทิร์นและผู้เกี่ยวข้องไปพัฒนาระบบการปรึกษาและการฝึกอบรมแพทย์ เพื่อให้แพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องยังสามารถทำงานในระบบของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข 

คำถามคือ แล้วจะทำอย่างไร ติดตามได้ในบทความต่อไป 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์