เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนแล้วสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็กำลังจะดำเนินมาถึงในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ทั่วโลกต่างรอดูความยิ่งใหญ่ของพระราชพิธี ประเพณีความศักดิ์สิทธิ์โบราณภายในมหาวิหารเวสต์มินเตอร์ ตลอดจนไฮไลท์เด็ดของขบวนพระราชพิธีอย่างขบวนรถม้าของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และราชินีคามิลลาซึ่งจะเคลื่อนผ่านท่ามกลางสาธารณชน
รถม้าที่ว่านี้ถูกนำมาใช้ในพระราชพิธีนี้ทุกครั้งตั้งแต่สมัยพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของพิธีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
รถม้าที่ว่านี้ถูกนำมาใช้ในพระราชพิธีนี้ทุกครั้งตั้งแต่สมัยพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของพิธีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
รถม้าราชาภิเษกแห่งราชวงศ์อังกฤษ
รถม้าสีทอง ‘Gold State Coach’

ย้อนกลับไปในปี 1831 ที่ขบวนรถม้าสีทอง ‘Gold State Coach’ (ม้า 8 ตัว) 8,800 ปอนด์ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกในพระราชพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ซึ่งมีเพียงกษัตริย์และราชินีเท่านั้นที่สามารถเดินทางด้วยรถม้าสีทองได้ โดยกษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินหลังจากที่พระองค์สวมมงกุฎแล้ว และพิธีก็ดำเนินเช่นนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แน่นอนว่าครั้งล่าสุดที่มีการใช้รถม้านี้ก็ต้องกลับไปเมื่อ 70 ปีก่อนในปี 1953 สมัยควีนเอลิซาเบธที่ 2 กันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ยานพาหนะที่ทันสมัยคันนี้ทำหน้าที่เหมือนรถยนต์มากขึ้นโดยมีเครื่องปรับอากาศและมีโช้คอัพไฮดรอลิกเพื่อลดแรงกระแทก
รถม้า Gold State Coach ที่สวยงามคันนี้สร้างขึ้นในปี 1762 ทำจากไม้ เคลือบด้วยสีทองคำเปลวด้านบน ตัวรถม้าประกอบด้วยเทพเจ้าและเทพธิดาโรมัน รวมถึงทูตสวรรค์ 3 องค์บนหลังคาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ ส่วนด้านในของรถม้า Gold State Coach ประกอบด้วยที่นั่งหุ้มผ้ากำมะหยี่และผ้าซาตินที่ดีที่สุด
จริงๆ แล้วถูกใช้ครั้งแรกในสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 3 แต่ไม่ปรากฏในพิธีราชาภิเษกจนกระทั่งถูกนำมาใช้อีกครั้งในสมัยกษัตริย์วิลเลียมที่ 4
แน่นอนว่าครั้งล่าสุดที่มีการใช้รถม้านี้ก็ต้องกลับไปเมื่อ 70 ปีก่อนในปี 1953 สมัยควีนเอลิซาเบธที่ 2 กันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ยานพาหนะที่ทันสมัยคันนี้ทำหน้าที่เหมือนรถยนต์มากขึ้นโดยมีเครื่องปรับอากาศและมีโช้คอัพไฮดรอลิกเพื่อลดแรงกระแทก
รถม้า Gold State Coach ที่สวยงามคันนี้สร้างขึ้นในปี 1762 ทำจากไม้ เคลือบด้วยสีทองคำเปลวด้านบน ตัวรถม้าประกอบด้วยเทพเจ้าและเทพธิดาโรมัน รวมถึงทูตสวรรค์ 3 องค์บนหลังคาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอังกฤษ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ ส่วนด้านในของรถม้า Gold State Coach ประกอบด้วยที่นั่งหุ้มผ้ากำมะหยี่และผ้าซาตินที่ดีที่สุด
จริงๆ แล้วถูกใช้ครั้งแรกในสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 3 แต่ไม่ปรากฏในพิธีราชาภิเษกจนกระทั่งถูกนำมาใช้อีกครั้งในสมัยกษัตริย์วิลเลียมที่ 4
รถม้า ‘Diamond Jubilee State’

ส่วนรถม้าอีกคันหนึ่งที่คาดว่าจะถูกนำมาใช้ในพระราชพิธีก็คือ รถม้า ‘Diamond Jubilee State’ (ม้า 6 ตัว) รถม้าทันสมัยที่เหมือนกับรถยนต์มากพร้อมโช้คอัพ ยาวกว่า 5 เมตร หนักกว่า 3 ตัน สร้างขึ้นเพื่อฉลองวันคล้ายวันประสูติครบ 80 พรรษาของควีนเอลิซาเบธที่ 2 โดยถูกใช้งานครั้งแรกในพิธีเปิดรัฐสภาในเดือนมิถุนายน 2014 แต่หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยปรากฏสู่สายตาสาธารณชนเท่าใดนัก แต่ทุกคนจะได้เห็นในวันงานของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ด้วย
รถม้าดำทองคันนี้สร้างขึ้นในออสเตรเลีย โดยผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องอะลูมิเนียมได้รับการป้องกันจากการแกว่งไกวด้วยตัวปรับเสถียรภาพไฮดรอลิก 6 ตัว ส่วนการตกแต่งภายในทำจากสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากโบราณสถานมากกว่า 100 แห่งทั่วอังกฤษ
ราวจับที่นั่งมาจากเรือยอร์ชแห่งราชวงศ์อังกฤษ Royal Yacht Britannia และยังมีชิ้นส่วนจากเรือรบ Mary Rose สมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ต้นแอปเปิลของเซอร์ ไอแซค นิวตัน และอื่นๆ
ปัจจุบันรถม้าทั้ง 2 คันนี้จัดแสดงอยู่ที่ Royal Mews คอกม้าราชวงศ์อังกฤษในพระราชวังบักกิงแฮม
รถม้าดำทองคันนี้สร้างขึ้นในออสเตรเลีย โดยผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องอะลูมิเนียมได้รับการป้องกันจากการแกว่งไกวด้วยตัวปรับเสถียรภาพไฮดรอลิก 6 ตัว ส่วนการตกแต่งภายในทำจากสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากโบราณสถานมากกว่า 100 แห่งทั่วอังกฤษ
ราวจับที่นั่งมาจากเรือยอร์ชแห่งราชวงศ์อังกฤษ Royal Yacht Britannia และยังมีชิ้นส่วนจากเรือรบ Mary Rose สมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ต้นแอปเปิลของเซอร์ ไอแซค นิวตัน และอื่นๆ
ปัจจุบันรถม้าทั้ง 2 คันนี้จัดแสดงอยู่ที่ Royal Mews คอกม้าราชวงศ์อังกฤษในพระราชวังบักกิงแฮม
ขบวนเสด็จของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

ในขบวนเสด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเลือกที่จะนั่งรถม้า Diamond Jubilee State ซึ่งเป็นหนึ่งในรถม้าที่ใหม่กว่าใน Royal Collection Trust
“มันสูงกว่ารถยนต์ทุกคันบนท้องถนนในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด และมีมงกุฎทองคำขนาดใหญ่อยู่ด้านบน พร้อมแกะสลักด้วยไม้โอ๊กอย่างน่าอัศจรรย์จากเรือหลวงวิกตอรี (HMS Victory) ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือของกองทัพเรือในศตวรรษที่ 18”
“มันน่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ รถม้าสีทองคันนี้ที่บรรทุกกษัตริย์องค์นี้มีการประดับไฟสวยงามไว้ข้างในเพื่อให้ฝูงชนได้ชมในวันบรมราชาภิเษก” แซลลี กูดเซอร์ ภัณฑารักษ์ด้านมัณฑนศิลป์ของ Royal Collection Trust กล่าว
อย่างไรก็ดี ขบวนจะเคลื่อนออกจากพระราชวังบักกิงแฮมและมุ่งหน้าไปผ่านไปยังอาคารอนุรักษ์ Admiralty Arch ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่พระราชวังไวต์ฮอล์ และไปตามถนน Parliament Street โดยจุดหมายคือมหาวิหารเวสต์มินเตอร์
“มันสูงกว่ารถยนต์ทุกคันบนท้องถนนในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด และมีมงกุฎทองคำขนาดใหญ่อยู่ด้านบน พร้อมแกะสลักด้วยไม้โอ๊กอย่างน่าอัศจรรย์จากเรือหลวงวิกตอรี (HMS Victory) ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือของกองทัพเรือในศตวรรษที่ 18”
“มันน่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ รถม้าสีทองคันนี้ที่บรรทุกกษัตริย์องค์นี้มีการประดับไฟสวยงามไว้ข้างในเพื่อให้ฝูงชนได้ชมในวันบรมราชาภิเษก” แซลลี กูดเซอร์ ภัณฑารักษ์ด้านมัณฑนศิลป์ของ Royal Collection Trust กล่าว
อย่างไรก็ดี ขบวนจะเคลื่อนออกจากพระราชวังบักกิงแฮมและมุ่งหน้าไปผ่านไปยังอาคารอนุรักษ์ Admiralty Arch ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่พระราชวังไวต์ฮอล์ และไปตามถนน Parliament Street โดยจุดหมายคือมหาวิหารเวสต์มินเตอร์

ตามรายงานของพระราชวังระบุว่า หลังจากเสร็จพระราชพิธี ณ มหาวิหารเวสต์มินเตอร์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และราชินีคามิลลาจะทรงใช้เส้นทางเดิมกลับไปที่พระราชวัง โดยทั้งคู่จะประทับบนรถม้าทอง Gold State Coach
“มันสูงเกือบ 4 เมตร ยาวกว่า 7 เมตร หนัก 4 ตัน ด้วยเหตุนี้จึงใช้เฉพาะการเดินเท่านั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่และความโอ่อ่าของขบวนเสด็จอันยิ่งใหญ่นี้…มีราชาธิปไตยน้อยมากที่ยังรักษารถม้าเหล่านี้สำหรับใช้งานในยุคนี้ไว้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างเหลือเชื่อที่จะได้เห็น” กูดเซอร์กล่าว
ทั้งนี้ในรายงานยังระบุว่าเส้นทางพระราชดำเนินของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 นั้นสั้นกว่าในพิธีของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 1953 เล็กน้อย ซึ่งในสมัยนั้นอยู่ที่ 5 ไมล์ (8 กิโลเมตร)
นอกจากนี้ ด้วยความที่รถม้าทองนั้นหนักมาก จึงทำให้รถเคลื่อนได้แค่ก้าวเดินเท่านั้น และนั่นน่าจะทำให้ประชาชนที่รอเข้าเฝ้าอยู่ตามเส้นทางได้มีเวลายลโฉมกษัตริย์และราชินีของพวกเขามากขึ้น
ขณะที่กองทหารในขบวนพาเหรดจะทำความเคารพกษัตริย์และราชินีบริเวณสวนของพระราชวังบักกิงแฮม พร้อมด้วยเสียงโห่ร้อง 3 ครั้ง
งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ที่จะปรากฏความยิ่งใหญ่แก่สายตาชาวโลก (อ่านบทความเพิ่มเติม 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของอังกฤษที่มีมายาวนานเกือบ 1,000 ปี)
“มันสูงเกือบ 4 เมตร ยาวกว่า 7 เมตร หนัก 4 ตัน ด้วยเหตุนี้จึงใช้เฉพาะการเดินเท่านั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความยิ่งใหญ่และความโอ่อ่าของขบวนเสด็จอันยิ่งใหญ่นี้…มีราชาธิปไตยน้อยมากที่ยังรักษารถม้าเหล่านี้สำหรับใช้งานในยุคนี้ไว้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างเหลือเชื่อที่จะได้เห็น” กูดเซอร์กล่าว
ทั้งนี้ในรายงานยังระบุว่าเส้นทางพระราชดำเนินของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 นั้นสั้นกว่าในพิธีของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 1953 เล็กน้อย ซึ่งในสมัยนั้นอยู่ที่ 5 ไมล์ (8 กิโลเมตร)
นอกจากนี้ ด้วยความที่รถม้าทองนั้นหนักมาก จึงทำให้รถเคลื่อนได้แค่ก้าวเดินเท่านั้น และนั่นน่าจะทำให้ประชาชนที่รอเข้าเฝ้าอยู่ตามเส้นทางได้มีเวลายลโฉมกษัตริย์และราชินีของพวกเขามากขึ้น
ขณะที่กองทหารในขบวนพาเหรดจะทำความเคารพกษัตริย์และราชินีบริเวณสวนของพระราชวังบักกิงแฮม พร้อมด้วยเสียงโห่ร้อง 3 ครั้ง
งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ที่จะปรากฏความยิ่งใหญ่แก่สายตาชาวโลก (อ่านบทความเพิ่มเติม 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของอังกฤษที่มีมายาวนานเกือบ 1,000 ปี)