หลังจาก ‘DeepSeek’ แชทบอท AI จากจีนเปิดตัวได้ราว 1 สัปดาห์จนสร้างปรากฏการณ์โลกตะลึงที่แอปฯ ดังกล่าวมียอดดาวน์โหลดทะยานสู่อันดับสูงสุดในสหรัฐฯ โค่น ChatGPT ลงได้ ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาในรัฐบาล โจ ไบเดน ออกคำสั่งห้ามสหรัฐฯ ส่งชิปไปจีนแล้วก็ตาม ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่า DeepSeek ทำได้อย่างไร? แล้วสหรัฐฯ จะหยุดนวัตกรรมนี้ของจีนได้หรือไม่? (อ่านเพิ่มเติม : สงครามชิปไม่ได้ผล? DeepSeek เล็ดลอดข้อห้ามสหรัฐฯ ส่งชิปไปจีนจนโค่น ChatGPT ได้ยังไง)
SPACEBAR พาไปดูข้อเปรียบเทียบระหว่าง ‘ChatGPT’ VS ‘DeepSeek’ ว่าเหมือน หรือต่างกันอย่างไร...
เทคโนโลยีหลักที่ใช้
- DeepSeek ใช้หลักโมเดลแบบผสมผสานของผู้เชี่ยวชาญ (MoE) มีพารามิเตอร์ประมาณ 671 พันล้านพารามิเตอร์ในแต่ละคำขอ ซึ่งช่วยให้ประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในงานด้านเทคนิค
- ในขณะที่ ChatGPT ใช้โมเดล ‘Transformer Architecture’ แบบดั้งเดิม ซึ่งประมวลผลพารามิเตอร์ทั้งหมดพร้อมกัน ทำให้มีความยืดหยุ่น แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงสำหรับงานเฉพาะ
ประสิทธิภาพและความสามารถ
- DeepSeek โดดเด่นในงานด้านเทคนิค โดยเฉพาะการเขียนโค้ด การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ และการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งมีความแม่นยำ 90%
- ส่วน ChatGPT โดดเด่นด้านการเล่าเรื่อง มีความสามารถในการสนทนา และมีความคิดสร้างสรรค์
ความเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตอบคำถาม
- การวิเคราะห์ข้อมูลและการตอบคำถามของ DeepSeek จะให้คำตอบได้เกือบในทันที ขณะที่ ChatGPT ใช้เวลานานกว่าประมาณ 10 วินาทีสำหรับคำถามที่คล้ายกัน
ต้นทุน
- DeepSeek สร้างโมเดลของตัวเองได้ด้วยการลงทุนเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท) ภายในกรอบเวลา 2 เดือน ในขณะที่คู่แข่งอย่าง ChatGPT ลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 พันล้านบาท)
- ค่าสมาชิกของ DeepSeek เริ่มต้นที่ 0.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 17 บาท) แต่ ChatGPT ต้องจ่ายค่าสมาชิกแพงกว่าเริ่มต้นที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 675 บาท)
จุดแข็ง
- DeepSeek มีความสามารถในการสร้างโค้ด (เช่น Python, Java) และการแก้สมการที่ซับซ้อน ใช้ต้นทุนการสร้างต่ำ และตอบโต้เร็วกว่า
- ขณะที่ ChatGPT เหนือกว่า DeepSeek ทั้งในด้านการเล่าเรื่อง มีอารมณ์ขัน สามารถให้คำตอบครอบคลุมตามบริบทได้ อีกทั้งยังสร้างข้อความเอาต์พุตหลากหลายรูปแบบ เช่น บทความ เรียงความ และโค้ด ตลอดจนอัปเดตข่าวสารโลกอย่างต่อเนื่อง
จุดอ่อน
- DeepSeek ต้องเผชิญความท้าทายกับหัวข้อที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองอันเนื่องมาจากการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีน และขาดคุณสมบัติขั้นสูง เช่น ความสามารถด้านหน่วยความจำ หรือโหมดการตอบโต้ด้วยเสียง
- ในส่วนของ ChatGPT นั้นมีราคาแพงกว่า DeepSeek นอกจากนี้ ยังอาจประสบปัญหาในการสร้างการตอบโต้ที่เหมาะสมตามบริบท เนื่องจากอคติที่ถูกป้อนในตัวโมเดล AI
