ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่ความพยายามในการที่ออกมาตรการลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงต้องร้องเพลงรอต่อไป
ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นการประชุม เพจเฟซบุ๊ก ของ รมว.พลังงาน ขึ้นโพสต์สีฟ้าครามหราว่า “ครม.เห็นชอบตามกระทรวงพลังงานเสนอลดราคาเบนซินลง 2.50 บาท” แต่คล้อยหลังไปไม่กี่ชั่วโมง รมว.พีระพันธุ์ ก็ออกมาแถลงอีกครั้งว่า ครม.เพียงแต่เห็นชอบในหลักการในการลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลงลิตรละ 2.50 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน และจะเตรียมจะนำเข้า ครม. เพื่อขอมติอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่าจะใช้กลไกในการปรับลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลง เพื่อราคาน้ำมันเบนซิน 91 มีราคาลดลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ราว 1,000 ล้านบาท จากโครงสร้างราคาน้ำมันเบนซิน 91 ปัจจุบัน อัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรอยู่ที่ลิตรละ 5.85 บาท
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ หาก ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว ทำไมจึงไม่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอในคราวเดียวกัน แต่กลับให้กลับมาจัดทำรายละเอียด ก่อนจะนำเสนอกลับไปใหม่อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่ามีเหตุผลหลัก ๆ ที่ ครม.ต้องพิจารณา 2 เรื่อง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- กระทรวงการคลัง จะยินยอมที่จะสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ในส่วนของน้ำมันเบนซิน 91 ลงมากน้อยแค่ไหน เพราะหากประมาณการจากการใช้น้ำมันเบนซิน 91ในปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ วันละ 7 ล้านลิตร จะเท่ากับ กรมสรรพสามิตจะสูญเสียการจัดเก็บรายได้อย่างต่ำในช่วง 3 เดือน ถึงราว 1,575 ล้านบาท ( 7 x 2.50 x 30 x 3) หรืออาจจะสูงถึง 2,250 ล้านบาท (10 x 2.50 x 30 x3) หากการลดราคาส่งผลให้ มีการหันกลับมาใช้น้ำมันเบนซิน 91 มากขึ้น เนื่องจากราคาถูกกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95มากกว่าเดิมอีกถึงลิตรละ 2.50 บาท
- ผลจากความห่างของราคาเบนซิน 91 กับ 95 ดังกล่าว จะส่งผลถึงโครงสร้างการใช้น้ำมันเบนซินของไทยในระยะยาวหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลพยายามที่จะส่งเสริมให้มีการใช้เบนซิน 95 ที่มีคุณภาพสูงกว่า จนมีสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซิน 95 ถึงราววันละ 16-17 ล้านลิตร
การตัดสินใจลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 ถึงลิตรละ 2.50 บาท โดยไม่ได้มีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันทั้งระบบ จึงอาจถูกมองว่า เป็นเพียงการหาคะแนนนิยมกับชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และไรเดอร์ ในช่วงสั้น ๆ แต่ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และยังทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ไปอีก จึงน่าจับตามองว่า ในการนำเรื่องกลับไปขอความเห็นชอบใน ครม.สัปดาห์หน้า จะถูกทักท้วงจากกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานอื่น อย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนใช้ โซฮอล์ เฮ! น้ำมันลงพรวด 2.50 บาท
EV is coming - EP.2| พลังงานไฟฟ้าไทย ‘พอ’ หรือ ‘ขาด’ ถ้า EV โตเกินคาด
