จับตาของแพง หลังน้ำตาลขึ้น 4 บาท/กก.

29 ต.ค. 2566 - 03:11

  • พาณิชย์ ย้ำ สินค้าควรขึ้นราคาสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง

  • ขอห้าง-ร้าน ขายน้ำตาลสต๊อกเก่า ราคาเดิม

  • เตือน ฉวยโอกาสคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน

Economy- MinistryofCommerce-products-containing-sugar-prices-SPACEBAR-Hero.jpg

กรมการค้าภายใน จับตาสินค้าที่มีส่วนประกอบน้ำตาล ขยับราคาขึ้น ย้ำขอให้ขึ้นตามความเหมาะสม ขอห้าง-ร้านขายน้ำตาลราคาเดิมจนกว่าสต๊อกเก่าจะหมด

กรมการค้าภายในขอความร่วมมือห้างค้าส่งค้าปลีก ขายน้ำตาลทรายในราคาเดิมไปจนกว่าสต๊อกเก่าจะหมด และจัดให้มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการ ส่วนสินค้าที่ใช้น้ำตาลผลิตต้องดูเป็นรายตัว เหตุสินค้าแต่ละชนิดได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกัน การปรับราคาต้องสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ห้ามฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร

จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกประกาศ เรื่อง ราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูการผลิตปี 2566/2567

โดยปรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่ น้ำตาลทรายขาวจากเดิมกิโลกรัม (กก.) ละ 19 บาท เป็นราคา กก.ละ 23 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จากเดิม กก.ละ 20 บาท เป็น กก. ละ 24 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 66 เป็นต้นไป ว่ากรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือไปยังห้างค้าส่งค้าปลีก ผู้จำหน่ายน้ำตาลทรายทุกราย ให้จำหน่ายน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในสต๊อกในราคาเดิมจนกว่าสต๊อกเก่าจะหมด และจัดให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และเติมสินค้าบนชั้นวางอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้ามีเพียงพอ ของไม่ขาด

ส่วนผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า กรมฯ จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นส่วนผสม แต่ละชนิดมีผลกระทบแตกต่างกัน เพราะใช้น้ำตาลทรายในสัดส่วนที่แตกต่างกัน

DSC_5764.jpg

กรณีเป็นสินค้าควบคุม เช่น นมสด ปลากระป๋อง ถ้าผู้ผลิตจะขอปรับราคา กรมฯ ก็ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยจะดูตามสัดส่วนการใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนส่วนอื่นๆ ด้วย เพราะบางสินค้าแม้ต้นทุนน้ำตาลทรายจะเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนอื่นๆ อาจจะลดลงก็ได้

จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน

ส่วนกรณีสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำหวาน ขนมหวาน การกำหนดราคาหรือปรับราคาก็ต้องสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งกรมฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้า การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้บริโภคทางสายด่วน 1569 และการตรวจสอบให้ความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม กรมฯ เชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่คงไม่อยากที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค กรณีจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าก็ควรพิจารณาให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด 

สุดท้ายขอเน้นย้ำไปยังผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าทุกราย ห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หากพบจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายใน ได้ส่งหนังสือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ในฐานะที่กำกับดูแลสินค้าน้ำตาลทรายแล้ว โดยมองว่า การปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย ไม่ควรใช้เหตุผลราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 26.50 บาท เพราะไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลทรายรายใหญ่ แต่ละปีมีผลผลิตประมาณ 10 ล้านตัน บริโภคในประเทศ ใช้ในอุตสาหกรรมและครัวเรือน 2.5 ล้านตัน เหลือส่งออก 7.5 ล้านตัน จึงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค และผลกระทบที่เกี่ยวข้องหากจะปรับขึ้นราคา

ข่าวที่น่าสนใจ

โรงงานน้ำตาล ฉวยขึ้นราคาขาย อ้างขึ้นตามราคาตลาดโลก ผลผลิตลด

พาณิชย์ แย้ง ขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาท/กก.

ส่งออกไทย ก.ย.66 บวก 2.1 %

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์