กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/2568 โดยประเมินว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 1-2 เดือน จะเป็นปัจจัยหนุนเชิงจิตวิทยาต่อ Theme การเปิดเมือง (Reopening Trade) พร้อมกับสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ของปีนี้
จีนชะลอตัวกระทบการค้าโลก แต่มีโอกาสผ่อนคลายภาษี
เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญแรงกดดัน โดยตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 2/2568 อาจเติบโตต่ำกว่า 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจาก 5.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 125% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าบริโภคราคาถูก ส่งผลให้ดัชนี PMI และความเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอตัวชัดเจน
อย่างไรก็ดี มีสัญญาณเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมลดภาษีนำเข้า หากสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีน โดยเป้าหมายในระยะสั้นคือการลดภาษีลงเหลือ 60% ภายในเดือนมิถุนายน และ 34% ภายในสิ้นปี 2568
เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวแบบ 'Soft Landing'
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป (Soft Landing) โดยยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เพิ่มขึ้นถึง 9.2% สวนทางกับการคาดการณ์ GDPNow ที่ -2.5% QoQ ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเกิดใหม่
บล.กรุงศรี คาดว่า Fed จะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish) มากขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย เช่น กลุ่มปันผลสูง กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน REITs รวมถึงหุ้นนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ปิโตรเคมีและโรงกลั่น ที่ได้รับอานิสงส์จากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว

ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว 'Sideways/Up' จับตา 3 ปัจจัยหลัก
บล.กรุงศรี ประเมินว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ 1,138 จุด และแนวต้านที่ 1,160–1,167 จุด โดยมีปัจจัยหนุนหลัก 3 ด้าน ได้แก่:
1. Fund Flow: การเปิดขายกองทุน ThaiESGX ในวันที่ 2 พฤษภาคม คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง 3,000 ล้านบาท หนุนหุ้นกลุ่ม High Yield และ Deep Value
2. นโยบายการเงินในประเทศ: คาดว่าการประชุม กนง. วันที่ 30 เมษายน จะยังคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม พร้อมส่งสัญญาณ Dovish สร้างจิตวิทยาเชิงบวก
3. แนวโน้มการผ่อนคลายสงครามการค้า: หากมีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะหนุนหุ้นกลุ่ม Global Play และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA และ HANA
หุ้นเป้าหมายที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์
• Deep Value: CPALL, BDMS, BH, GPSC, SCGP, KBANK, BBL
• High Yield: ADVANC, KTB, SCB, LH, AP
• New S Curve: GULF, GPSC, TRUE, STECON