เหตุกราดยิงที่สยามพารากอน กรุงเทพฯ ประเทศไทย ติดเทรนอันดับ 5 ‘เว่ยป๋อ’ ของจีนแล้ว
ต้องยอมรับว่า เหตุกราดยิงเหตุกราดยิงฯ ครั้งนี้ สั่นไหวไปทั่ว โดยในโลกออนไลน์บนแพลตฟอร์ม X ได้แชร์ภาพของสาวคนหนึ่ง ที่โพสต์เล่าเหตุการณ์ การมาขอความช่วยเหลือของเด็กหญิง 2 คน มีเนื้อหาระบุว่า
“เรื่องน่าเศร้า คือ หนีตายจากพารากอน ไปเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนสองคนมาขอความช่วยเหลือ แม่เขาโดนยิง แล้วเขาหาแม่ไม่เจอ เราก็ช่วยทุกวิถีทาง แบตมือถือเหลือ 1% เอามาคุยกับน้อง น้องพูดมาว่าแม่หนูจะตายไหม เราก็ปลอบใจน้องว่าแม่แค่บาดเจ็บ เดี๋ยวก็เจอแม่แล้ว รอแปปนะ พอไปถึงตำรวจ ตำรวจบอกว่าแม่น้องคนนี้เสียชีวิต เราร้องไห้เลยสงสารมาก น้องมีฝาแฝดด้วย ทำไมน้องต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นวันที่เศร้ามาก"
หลังจากนั้นเจ้าของโพสต์ยังได้ ขอบคุณพลเมืองดีที่สามารถพูดภาษาจีนและสามารถสื่อสารกับเด็กหญิงชาวจีนทั้งสองคนได้จนกระทั่งเจอตำรวจอีกด้วย โดยได้มีผู้ใช้บัญชีจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น จนล่าสุด ยอดการติดแฮชแท็ก #พารากอน พุ่งทะยานถึง 4 ล้านโพสต์
จากกระแสที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนกังวลถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการวีซ่าฟรีออกมาได้เพียงสัปดาห์เดียว
ล่าสุดฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เผยว่า ททท. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในพื้นที่ห้างสยามพารากอน และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกท่าน
เช่นเดียวกับ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ทวิตข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุเยาวชนอายุ 14 ปี ก่อเหตุกราดยิง ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน วานนี้ ( 3 ต.ค.66) จนทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นชาวจีน 1 ราย และชาวเมียนมา 1 ราย ว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และจากที่ติดตามข่าวก็พบว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาสุขภาพทางจิต จึงถือเป็นเรื่องที่เกิดน่าหดหู่
โดยชำนาญ ระบุว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความเสียหายด้านภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก แม้ตอนนี้จะยังไม่เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างที่ชัดเจน อย่างเช่น การยกเลิกไฟล์ทบินของนักท่องเที่ยวจีน แต่ในโซเซียลมีเดียของจีนกำลังเป็นประเด็นอย่างมาก และกำลังตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย
ประกอบกับที่ผ่านมารัฐบาลเพิ่งเปิดใช้มาตรการวีซ่าฟรี แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ไปเมื่อ 25 ก.ย.66 ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิมนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย 5,000-7,000 คนต่อวัน ก็เพิ่มขึ้นเป็น 15,000-18,000 คนต่อวัน ซึ่งกำลังมีทิศทางที่ดี โดยตั้งแต่มกราคมถึงกันยายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 20 ล้านคน ซึ่ง สทท. ประเมินว่า อย่างน้อยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยตลอดปีที่ 26 ล้านคน และยังมีความหวังว่ากรณีที่ดีที่สุดอาจจะแตะที่ 30 ล้านคน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ก็ต้องรอประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และรอติดตามแผนการเรียกความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวจากทุกฝ่าย
ดังนั้น ประธานสทท. จึงเสนอว่าในระยะสั้น รัฐบาล และ ภาคเอกชน หรือ ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน ต้องยกระดับความปลอดภัยให้ชัดเจน และเร่งสื่อสารออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้กลับมาอย่างเร่งด่วน ส่วนในระยะยาว นายชำนาญ มองว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มาจากปัญหาสุขภาพจิตของเยาวชนในประเทศ ดังนั้น รัฐบาล ต้องหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว พร้อมทั้งบรรจุวิชาคุณธรรม จริยธรรมขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เยาวชนมีจิตใจที่มั่นคง ลดปัญหาเหล่านี้ในระยะยาว
ข่าวน่าสนใจ
EU ปรับ กฎหมาย ‘แบตเตอรี่ยั่งยืน’ ดัน รียูสได้