ในวันที่ประเทศไทยและโลกกำลังตื่นตัวกับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ประเทศในยุโรปเหนือที่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่าไทยอย่าง “นอร์เวย์” ดูจะก้าวล้ำไปล่วงหน้าแล้วหลายก้าว
ถ้าวัดจำนวนรถ EVs ต่อหัวประชากร นอร์เวย์ คือเบอร์ 1 ของโลก
โดยพวกเขามีเป้าหมายว่า ในปี 2025 รถยนต์ในประเทศนอร์เวย์ทั้งหมดต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการ 'ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก' (net zero-emission) เลย

นอกจากเติบโตในเชิงปริมาณ จนสื่อบางสำนักขนานนามให้เป็น “เมืองหลวงแห่งยานยนต์ไฟฟ้าโลก” (The EV capital of the world) นอร์เวย์ยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างและไกลถึงการจัดการ ‘สิ่งต่างๆ’ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่รถทุกคันจะไร้น้ำมัน
ไม่ว่าขยะแบตเตอรี่ การรีไซเคิลแร่ธาตุและทรัพยากรที่ใช้ในอุตสาหกรรม EVs รวมถึงการสร้างห่วงโซ่การผลิตที่ยั่งยืน และการสร้างเศรษฐกิจใหม่เพื่ออนาคตของประเทศในยุคต่อไป
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่มีการคิดและวางกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมาย บอกชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำในระยะสั้น และจุดหมายที่จะไปให้ถึงในระยะยาว
แผนงานต่างๆ ประกาศอย่างเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึง ผ่านเอกสารและรายงานที่มีหน้าตาเป็นมิตรบนเว็บไซต์ของรัฐบาล โดยไม่ต้องเดาใจผู้นำและผู้มีอำนาจในการบริหาร ว่าจะพานาวาประเทศไปทางไหน ประเทศจะเปลี่ยนผ่านตัวเองอย่างไรในยุคที่พายุแห่งความเปลี่ยนแปลงกำลังพัดแรงทั่วโลก

เวลานี้ หลายประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศไทย ต่างออกมาตรการจูงใจ (หนึ่งในนั้นคือ มาตรการ EV3.5) ผู้ผลิต EV มาลงทุนตั้งฐานการผลิต นักธุรกิจเห็นโอกาสสร้างความร่ำรวยจากการคว้าสิทธิ์ขาย EV จากค่ายรถทั่วโลก รวมถึงโฆษณาจากค่ายรถ ข่าวสารจากพีอาร์ คอนเทนต์จากสื่อต่างๆ ที่ลง ไม่ว่าเพราะได้รับค่าโฆษณา หรือเพราะประเด็นข่าวน่าสนใจ ล้วนเป็นเชื้อไฟที่โหมให้กระแส EVs ในประเทศแรงขึ้น
คนจำนวนมากจากที่เคยลังเล เริ่มหันมาสนใจ EVs ขณะที่ค่ายรถทั้งค่ายรถเก่า และค่ายรถใหม่ที่แจ้งเกิดจาก EVs ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดผ่านสงครามราคา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและช่วงชิงยอดขาย
ล่าสุด (1 มีนาคม) Tesla เปิดข้อเสนอพิเศษ อุดหนุนค่าประกันรถ และลดราคารุ่น Model 3 และ Model Y มากกว่า 3% หวังเพิ่มยอดขาย EV ในจีน หลัง BYD ทำยอดขายแซง Tesla ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก เมื่อไตรมาส 4 ปี 2023 รวมถึง BYD รุกต่อเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยการลดราคาลงมามากกว่า 10% และเปิดตัวรถ 4 รุ่นใหม่ที่ราคาย่อมเยาว์กว่ารุ่นเดิม
การหั่นราคาของ BYD “สร้างแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม” นักวิเคราะห์ของ Daiwa Capital Markets วิเคราะห์ในบันทึกงานวิจัย “ปี 2024 การแข่งขันของผู้ผลิต EV รุนแรงยิ่งขึ้น”
รถ EVs (รวมถึงรถพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น ไฮโดรเจน) จะกินสัดส่วนรถสันดาปมากขึ้นเรื่อยๆ คือถนนที่โลกและไทยกำลังมุ่งไป โดยมีปลายทางคือ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ประเทศไทยที่เพิ่งสตาร์ทเข้าสู่สังคม EVs หลังรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าครั้งแรก (EV 3.0) เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2565) นี่คือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะเดินหน้าไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน หรือฉาบฉวยเพราะขาดการวางแผนอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ
ข่าวการสนับสนุน EVs ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เน้นไปที่มิติการเติบโตของจำนวนรถ นโยบายจูงใจนักลงทุนต่างชาติ และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครึกโครม ขณะที่มาตรการด้านการจัดการ ‘ภาระ’ ที่จะเกิดขึ้น เช่น แบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว ข่าวการประชุมบอร์ดอีวีล่าสุด (21 กุมภาพันธ์) ที่เผยแพร่โดย รัฐบาลไทย ระบุทำนองว่า
‘ที่ประชุมบอร์ดอีวี (เพิ่ง) มอบหมายให้คณะทำงานไปศึกษาแนวทางบริหารจัดการฯ แบบครบวงจร เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไป’

แม้ประเทศไทยจะเพิ่งสตาร์ทเข้าสู่สังคม EVs ได้ไม่นาน แต่หลายอย่างเราอาจศึกษาจากผู้คิดก่อนทำก่อนอย่างนอร์เวย์ได้ เพื่อดูว่า ‘ระหว่างทาง’ นอร์เวย์ทำอะไรกว่าจะมาถึง ณ จุดที่เป็นอยู่ และมีปลายทางที่จะเป็นยูโทเปียแห่งยานยนต์ EVs (หรือภาพที่ใหญ่และทรงพลังงานกว่านั้นคือ โลกแห่งพลังงานสะอาด)
ถ้าดูสิ่งที่นอร์เวย์คิดและทำอย่างละเอียด จะพบว่ามีหลายมิติและพยายามคิดให้ครอบคลุม ยกตัวอย่างที่จับต้องและเห็นผลได้ชัดที่สุด คือ การสนับสนุนให้คนในประเทศใช้ EVs จนเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
นอร์เวย์ทำได้อย่างไร? --- เราอาจตอบคำถามนี้ได้ผ่าน นโยบาย EV ของนอร์เวย์

- 1990 - 2022 ไม่เก็บภาษีซื้อ/นำเข้า EVs (ตั้งแต่ปี 2023 ภาษีบางส่วนจะอิงตามน้ำหนักรถ)
- 1996 - 2021 ไม่เก็บภาษีถนนประจำปี
- 1997 - 2017 วิ่งบนถนนที่เก็บค่าผ่านทาง (toll roads) ฟรี / 2018 - 2022 จ่ายสูงสุด 50% กรณีวิ่งบนถนนที่เก็บค่าผ่านทาง (ปี 2023 เพิ่มเป็น 70%)
- 2009 - 2017 ใช้บริการโดยสารเรือข้ามฟาก (ferries) ฟรี / 2018 - ปัจจุบัน จ่ายสูงสุด 50% กรณีโดยสารเรือข้ามฟาก
- 1999 - 2017 เข้าจอดที่จอดรถเทศบาลฟรี
- 2000 - 2008 ลดภาษีรถบริษัท 25% และลดเพิ่มเป็น 50% (ปี 2009 - 2017) ต่อมาลดเป็น 40% (ปี 2018 - 2021) ล่าสุดตั้งแต่ปี 2022 ลด 20%
- 2001 - 2022 ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 25% (ตั้งแต่ปี 2023 จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 25% จากรถ EVs ที่มีราคาขาย 500,000 โครนนอร์เวย์ ราว 1.68 ล้านบาท)
- 2005 - ปัจจุบัน วิ่งบนบัสเลนได้ (ปี 2016 อนุญาตให้หน่วยงานท้องถิ่นจำกัดการเข้าถึงบัสเลน เฉพาะรถ EVs ที่มีผู้โดยสารมากกว่า 1 คน)
- 2015 - ปัจจุบัน ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีลิสซิ่ง 25%
- 2017 รัฐสภานอร์เวย์ตั้งเป้าระดับชาติว่า รถทุกคันที่ขายในปี 2025 ควรเป็นรถ EVs หรือไฮโดรเจน
- 2017 - ปัจจุบัน ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์มี 'สิทธิการชาร์จ' (Charging right) สามารถสร้างที่ชาร์จรถได้
- นับจากปี 2022 การจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ รถทุกคนต้องเป็น ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษ
- ตั้งแต่ปี 2025 ข้อกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างข้างต้น ครอบคลุมถึงรถบัสในเมืองด้วย
จุดสตาร์ทกับ EVs นอร์เวย์เริ่มต้นเมื่อ 34 ปีที่แล้ว (ปี 1990) ขณะที่ไทยเริ่มเห็นชัดเมื่อ 2 ปีก่อน (พ.ศ.2565) ถ้ามองจากกระแส EVs โลก ไทยไม่ได้เริ่มช้าไป แค่นอร์เวย์คิดและไปข้างหน้าก่อนใคร
แต่คลื่น EVs วันนี้มาเร็วและแรงกว่า อีกไม่นาน จำนวนรถ EVs ในไทย รวมถึงทั่วโลกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด มุมหนึ่งเพื่อวิ่งหนีภาวะธรรมชาติล่มสลาย อีกมุมหนึ่งนี่คือธุรกิจใหม่ที่จะสร้างผลกำไรมหาศาลในยุคที่ใครๆ ก็รักษ์โลก
จุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงและเป็นคำถามคือ คลื่นยักษ์ขยะแบต EV หลังโลกขานรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ไทยพร้อมแค่ไหน? ถ้าตอบวันนี้โดยอ้างอิงจากที่ประชุมบอร์ดอีวีล่าสุด คือ ไทยยังไม่พร้อม แต่กำลังเตรียมตัวให้พร้อม
คำถามต่อมา ที่จะเตรียมตัวให้พร้อม มีอะไรบ้างที่ควรเตรียม และทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
นี่คือสิ่งที่ SPACEBAR จะหาคำตอบ...ในบทความถัดไป