กู้วิกฤต Climate Change หนุนภาคอสังหาฯ เซฟโลก

25 ตุลาคม 2566 - 06:20

property-climate-change-home-smart-green-energy-living-ecosystem-SPACEBAR-Hero.jpg
  • อวดโฉม “นวัตกรรมบ้านสีเขียว” ปักหมุดเศรษฐสิริ 11 โครงการ 1,500 ยูนิต

  • ต้นแบบองค์กรสีเขียวตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำเต็มรูปแบบ

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ของโลกทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นพายุฝนหรืออุณหภูมิสุดขั้ว ล้วนเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่สะสมมาในอดีต

สำหรับประเทศไทย หากพิจารณาเฉพาะการดำเนินการเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์ว่าจำเป็นต้องใช้เงินทุนประมาณ 0.4 - 0.7% ของ GDP ต่อปี หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ข้อมูลการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ยั่งยืนของไทยส่วนใหญ่ยังคงเน้นไปที่โครงการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง แต่ภาพรวมของโลกกับวิกฤต Climate Change ที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ถูกยกเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือแก้ไข แนวโน้มของการนำพลังงานและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งนอกจากช่วยลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแล้ว ยังเป็นทางออกในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ล่าสุดบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศกู้วิกฤต Climate Change และเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) พร้อมสร้าง Smart Green-Energy Living Ecosystem การอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมโลก

property-climate-change-home-smart-green-energy-living-ecosystem-SPACEBAR-Photo01.jpg

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน การลดการปล่อยของเสีย เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภายใต้พันธกิจแสนสิริ Net-Zero นี้ อีกหนึ่งแผนงานที่สำคัญคือการมุ่งมั่นที่จะส่งมอบทุกโครงการใหม่ของแสนสิริด้วยนวัตกรรมบ้านสีเขียว (Green Living Designed Home) โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง จนถึงการส่งมอบบ้านพลังงานสะอาด และเป็นที่น่ายินดีว่า ในปีนี้ พร้อมส่งมอบบ้านสีเขียวให้กับลูกบ้านในโครงการเศรษฐสิริ 11 โครงการใหม่ ราว 1,500 ยูนิต เพื่อให้ลูกบ้านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงาน โดยหนึ่งครัวเรือน สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 18% ต่อปี และได้วางเป้าขยายผลสู่คอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะเบสทุกโครงการใหม่ในปี 2567 ที่ส่วนกลางของโครงการจะมีการนำแนวทาง Green Living Designed Home ไปต่อยอดในการดำเนินงาน และตั้งเป้าสู่การลดใช้พลังงานในช่วงแรกให้ได้ราว 6%

แนวคิดนวัตกรรมบ้านสีเขียว (Green Living Designed Home) 

  1. Green Procurement เลือกใช้วัสดุ Green Product และเลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน มีแผนลดการใช้พลังงานและนํ้า ทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมวางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุคาร์บอนตํ่า (Low-Carbon) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ แสนสิริได้เลือกใช้วัสดุ Green Product ในการสร้างบ้านไปแล้วกว่า 53%  ตลอดจนผลักดันและสนับสนุนให้พาร์ตเนอร์กว่า 200 ราย ผลิตวัสดุที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น 
  2. Green Construction ที่มีขั้นตอนก่อสร้างเป็นมิตรต่อโลก เช่น นำวัสดุก่อสร้างชนิดใหม่อย่างไฟเบอร์เฟนส์ (Fiber Fence) ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กมากถึง 3 เท่า ขนส่งและตัดได้ง่าย ไม่มีประกายไฟ มีความแข็งแรงทนทานมากกว่า รวมถึงการนำนวัตกรรม Fully Precast ที่เป็นตัวเลือกการสร้างบ้านยุคใหม่ด้วยผนังคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปจากโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปของแสนสิริ มาใช้แทนการก่ออิฐมวลเบาฉาบปูนแบบเดิมๆ ทำให้ลดระยะเวลาการก่อสร้างลง 3 เดือน ลดขยะจากการก่อสร้างได้ถึง 15% ช่วยลดฝุ่นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไซต์ก่อสร้างลงเป็นจำนวนมาก
  3. Green Architecture & Design นวัตกรรมการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่คำนึงถึงการลดปริมาณขยะเหลือทิ้งให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบเพื่อให้ทุกคนที่อยู่อาศัยได้ใช้ประโยชน์ รวมทั้งการผสมผสานแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้มีอากาศบริสุทธ์ สะอาดปราศจากเชื้อโรค พร้อมส่งมอบบ้านที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และรองรับการอยู่อาศัยของลูกบ้านอย่างดีที่สุด

ข่าวน่าสนใจ

รู้หรือไม่ ซื้อทัวร์แล้วยกเลิก ลูกค้าขอเงินคืนจากบริษัททัวร์ได้

คนไทยสูงอายุ VS ป่วย ส่งอาหารทางการแพทย์ ‘โตสูง’

Smart School Bus รถโรงเรียนรุ่นใหม่ เด็กปลอดภัย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์