วันนี้ (17 มิ.ย.2567) องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เปิดให้ 7 บริษัท ที่ผ่านคุณสมบัติ เข้ายื่นซองเสนอราคาซองประมูลข้าวเก่า 10 ปี โครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ปริมาณ 15,000 ตัน จาก 2 คลังในจังหวัดสุรินทร์แล้ว โดยการยื่นซองครั้งนี้ จัดขึ้นที่ ห้องประชุมองค์การคลังสินค้า ซึ่งใน 7 บริษัทที่ผ่านการตรวจนสอบนั้น มีที่มายื่นซองจริง 6 ราย ได้แก่บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร, บริษัท ธนสรร ไรซ์, บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร, บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์, บริษัท สหธัญ และ บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 และไม่มายื่น 1 ราย
ทั้งนี้ ในการเปิดซองในช่วงบ่าย พบว่า ในคลังสินค้า บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด หลัง 4 ปริมาณข้าวรวม 3,356 ตัน มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อครบทั้ง 6 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาประมูลที่ 64.01 ล้านบาท, บริษัท ธนสรร ไรซ์ เสนอราคาประมูลที่ 60.48 ล้านบาท, บริษัท สหธัญ ยื่นประมูลในราคา 62.73 ล้านบาท, บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาประมูลที่ 53.7 ล้านบาท , บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร เสนอราคาประมูลที่ 56.08 ล้านบาท และบริษัท ทรัพย์แสงทอง ไรซ์ เสนอราคาประมูลที่ 40.9 ล้านบาท
ส่วนคลังสินค้ากลางกิตติชัย (หลัง 2) ปริมาณรวม 11,656 ตัน มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 4 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาประมูลที่ 222.2 ล้านบาท, บริษัท ธนสรร ไรซ์ เสนอราคาประมูลที่ 209.8 ล้านบาท, บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาประมูลที่ 186.5 ล้านบาท และบริษัท ทรัพย์แสงทอง ไรซ์ เสนอราคาประมูลที่ 182.04 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต๊อกของรัฐ จะดำเนินการต่อรองราคา เพื่อให้ได้ราคาประมูลที่สูงขึ้นอีก ทั้งนี้ จะมีการประกาศชื่อบริษัทที่ชนะการประมูล ผ่านเว็บไซต์ อคส. ภายในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ซึ่งกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่มีผู้สนใจมาซื้อข้าว ถือเป็นตัวสะท้อนได้ดีว่า ข้าวไม่ได้มีปัญหาอะไร แม้จะเก็บมานาน แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดเก็บ และผู้ซื้อเอง ก็ต้องนำไปปรับปรุงต่อ
ส่วนเรื่องราคา ไม่ได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ แต่จะใช้กระบวนการต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีราคาในใจที่เหมาะสมกับความเป็นจริงของสภาพข้าว หากขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15-18 บาท น่าจะมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท หักค่าใช้ต่างๆแล้ว คาดว่า จะนำเงินเข้ารัฐได้ไม่ต่ำกว่า 200-250 ล้านบาท


