หลังมีข่าวปรับครม.สะพัดออกมาจากสื่อค่ายบางนา โดยจะมีการนำพรรคประชาธิปัตย์ เฉพาะกลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 21 เสียง เข้ามาเติมเป็นรัฐบาล 336 เสียง เพื่อเสริมความแกร่งให้กับรัฐบาลปัจจุบันที่มีอยู่ 315 เสียง
แต่การปรับ ครม.ตามข่าวที่ถูกโยนออกมา กว่าจะมีขึ้นก็หลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 ผ่านวาระแรกไปแล้ว ในวันที่ 5-6 มิถุนายนโน่น ซึ่งจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญฯ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
บังเอิญกระแสข่าวปรับครม.ดังกล่าว ออกมาในจังหวะที่ฝ่ายค้านกำลังจะอภิปรายทั่วไปรัฐบาลพอดี ในขณะที่ ‘เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย’ ก็คำรามมาจากวงสัมมนาพรรคฯ ที่พัทยา จะจัดหนักจัดเต็มในการอภิปรายรัฐบาลครั้งนี้ ซึ่งไม่เฉพาะนายกฯ เศรษฐา เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ด้วย
ประมาณว่า งานนี้พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมถล่มรัฐบาลเต็มที่ รับรองไม่มีมวยล้มแน่
ล่าสุดทั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ต่างออกมาประสานเสียงตรงกัน โดยให้น้ำหนักข่าวที่ออกมาเป็น ‘ข่าวปล่อย’ โดย ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ หนึ่งในแกนนำรัฐบาล มองว่า
‘เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องโคมลอย อย่าเพิ่งไปคิดไกล แต่หากมีความชัดเจนมากกว่านี้ค่อยมาว่ากัน ว่าคิดเห็นอย่างไร ทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น’
แม้ภูมิธรรมจะให้น้ำหนักเป็นข่าวโคมลอย แต่จากประโยคใหญ่ข้างต้น มีบางคำพูดได้เปิดช่องเอาไว้อยู่
ขณะที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ‘ราเมศ รัตนะเชวง’ ก็พูดถึงข่าวปล่อยดังกล่าวด้วยความระมัดระวังเช่นกันว่า ไม่ทราบว่ามีแหล่งที่มาจากที่ใด ต้องไปถามคนปล่อยข่าว เพราะในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหรือประชุมร่วมระหว่างสส.กับกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 30 ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน
‘ไม่อยากให้มีการรายงานข่าวเช่นนั้น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายได้ เรื่องร่วมรัฐบาลคือเรื่องใหญ่ที่มีกระบวนการกลไกในพรรคที่จะต้องพูดคุยกัน เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.ซึ่งยังไม่ได้มีการหยิบยกมาพูดกันพรรคทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็ต้องทำให้เต็มที่’ ราเมศย้ำ
ความพยายามเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ มีมาตั้งแต่ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ ไปพบกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ฮ่องกง และต่อมา 17 สส.ของประชาธิปัตย์ ก็โหวตให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้น ก็ยังมีข่าวตามมาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น ข่าวการเข้าร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นข่าวลือที่ไม่ต่างกับความจริงที่มาก่อนเวลา
คำถาม คือ แล้วข่าวที่ถูกปล่อยออกมาในห้วงเวลานี้ เดินทางมาจากแหล่งใด เป็นคนในรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หรือว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง?!
เพราะหากเป็นคนในรัฐบาล ก็คงหวังแค่กระตุกเตือนความทรงจำพรรคประชาธิปัตย์ ให้ ‘เพลา’ การอภิปรายลงบ้างเท่านั้น จะได้ไม่เสียการใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า แต่กับการอภิปรายทั่วไปที่ไม่มีการลงมติ รัฐบาลไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลถึงขนาดนั้น หรือแม้แต่จะหวังผลแค่ ‘ทำลายจังหวะ’ ลดทอนความน่าเชื่อถือฝ่ายค้านลง ก็ยังดูขาดน้ำหนัก
ดังนั้น ต้องย้อนไปดูปมปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ ที่นาทีนี้ความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวยังไม่บังเกิด ผลจากการแข่งขันชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคที่ผ่านมา บาดแผลระหว่างกลุ่มผู้อาวุโส ชวน หลีกภัย กับกลุ่ม ‘เสี่ยต่อ’ ยังเป็นรอยแผลลึกที่ไม่มีวันตกสะเก็ด เช่นเดียวกับบนใบหน้าเรียวงามของ ‘มาดามเดียร์’ วทันยา บุนนาค ถึงวันนี้ยังมีร่องรอยคราบน้ำตาปรากฎอยู่
ปรากฎการณ์ข่าวปล่อย ที่นำเอาข่าวจริงมาเปิดก่อนเวลาหนนี้ จึงน่าจะมาจากคนในพรรคด้วยกันเอง ที่ด้านหนึ่งต้องการ ‘ตีปลาหน้าไซ’ ผสมกับอารมณ์กึ่ง ๆ ชำระแค้นจากบางปีกไปพร้อมกันด้วยในตัว
ส่วนใครจะเป็นคนเอาข่าวจริงมาเปิดก่อนเวลา น่าจะจับมือดมได้ไม่ยาก เพราะดูแล้วคงสนธิกำลังกันหลายฝ่ายอยู่