นิรโทษกรรมที่ถูกดอง - ‘โต้ง’ กิตติรัตน์ ลุยตลาดหุ้น

20 ธ.ค. 2566 - 09:52

  • นิรโทษกรรมที่ถูกดอง ท่าทีของแต่ละพรรคเหมือนไปกันคนละทาง

  • ‘โต้ง’ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีคลังตัวจริง ลุยตลาดหุ้น สะเทือนทั้งรัชดา และบางขุนพรหม

DEEP-SPACE-economy-houseof-representatives-Edit-SPACEBAR-Hero.jpg

นิรโทษกรรมที่ถูกดอง!!

พรรคก้าวไกล นับเป็นพรรคการเมืองแรกที่ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ตั้งแต่เปิดสมัยประชุมปีที่ 1/1 และผ่านขั้นตอนต่างๆ จนรอบรรจุเข้าระเบียบวาระ หากไม่มีคำว่า ร่างเกี่ยวกับการเงิน ที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีรับรองก่อน

เป็นที่ทราบกันว่า ร่างฉบับของพรรคก้าวไกลนั้น มีเนื้อหาแบบสุดโต่ง นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ไม่เว้นความผิด มาตรา 112 ซึ่งบรรดาพรรคการเมืองด้วยกันทั้งในซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ยอมรับ

แต่ก้าวไกล ก็ยังคงดำรงจุดมุ่งหมายเดิม เดินสายพูดคุยกับทุกฝ่ายทั้งเหลือง-แดง กปปส.และนักวิชาการ แม้จะไม่มีเสียงตอบรับมากนักก็ตาม

ต่อมาพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยวิทยา แก้วภราดัย หนึ่งในแกนนำ กปปส. เป็นคนริเริ่มยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับของพรรคขึ้นบ้าง และได้ปรับแก้จนสมบูรณ์เตรียมยื่นร่างต่อสภาแล้ว ภายใต้ชื่อ ‘ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข’

ทว่าพอถึงวันนัดหมายจะยื่นร่างฯ ต่อสภาในวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาสื่อสารกับสังคมว่า พรรค จะยังไม่ยื่นร่างต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่จะรอนำเข้าหารือกับวิปรัฐบาลเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อน 

อัครเดช ยังสนับสนุนให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา เพื่อให้ตกผลึกร่วมกัน โดยบอกว่า  ‘เป็นเรื่องดีที่จะได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว’ แถมย้ำว่า กฎหมายนิรโทษกรรมไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะมีสิ่งที่ต้องเร่งทำก่อนคือ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2567

ขณะที่วิทยา ตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ ดูเหมือนจะยอมหลบฉากถอยออกไปจากหน้าสื่อ เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้

ด้านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ แม้จะให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ ว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับของพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมบอกเป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่จะเสนอ แต่ดูเหมือนได้ส่งสัญญาณปรามเล็ก ๆ แนบมาด้วยว่า หากเสนอในสภาก็จะต้องมีการพูดคุยกันในวิปรัฐบาล และหากคุยกันเรียบร้อยก็จะต้องมาพูดคุยกับรัฐบาลว่ามีอะไรขัดข้องหรือไม่

พร้อมย้ำคำเดิมว่า การนิรโทษกรรมจะต้องไม่นำไปสู่การสร้างปัญหาขึ้นใหม่!!

สำหรับท่าทีพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล แม้จะออกตัวมาตั้งแต่ในมุ้ง ไม่ขอเป็นฝ่ายเริ่มต้น เพราะมีความหลังกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ผ่านมาระยะหนึ่ง เมื่อเห็นกระแสนิรโทษกรรมเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงส่ง ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ เลขาธิการพรรคฯ ออกมาเล่นกับกระแสนิรโทษกรรม ซึ่งแรก ๆ เหมือนจะเสนอร่างของพรรคเพื่อไทยประกบกับร่างของพรรคก้าวไกลด้วย แต่ตอนหลังได้ถอยไปตั้งหลักใหม่ ด้วยการเตรียมเสนอสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาศึกษาก่อน ด้วยเหตุผลเพื่อให้เกิดความรอบคอบ

จนทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติ ต้องกลับหลังหันในเรื่องนี้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีปัญหา เพราะเป็นพรรคที่ไม่มีพันธนาการ จึงไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนไปนิรโทษกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรในพรรคเหมือนพรรคอื่น

การขยับตัวแบบช้าๆ ไม่รีบร้อนของพรรคเพื่อไทย เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ไปแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ อารมณ์เดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เหมือนจะจับ ‘ดองเค็ม’ เอาไว้ก่อนนั้น ทำให้พรรคก้าวไกล ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

โดยเฉพาะการออกมาเปิดการแสดงของ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ในช่วงบ่ายอ่อนวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อออกมาพูดถึงคนชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ กับความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน และได้รับการปฏิบัติที่มี ‘อภิสิทธิ์’ เหนือกว่าคนอื่น

การออกลูกหนักของ ชัยธวัช หนนี้ นอกจากต้องการโชว์บทบาทการเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ แล้ว ยังเป็นการเปิดหน้าชก ‘แลกหมัด’ กับพรรคเพื่อไทยเรื่องนิรโทษกรรมไปด้วย เพราะในขณะที่คนๆ หนึ่งกำลังจะได้รับอิสรภาพ แต่อีกนับร้อยๆ ชีวิต ยังถูกจองจำจากการดองร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย

‘โต้ง’ กิตติรัตน์ ลุยตลาดหุ้น

คนที่รู้จักมักคุ้นกับ ‘โต้ง’ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รู้ดีว่า ถึงแม้บุคลิกของเขาจะดูเป็น ‘ไนซ์กาย’ แต่หากถึงเวลาที่ต้องออกอาวุธ ฝั่งตรงข้ามต้องตั้งรับให้ดี

ผ่านมาเกือบสามเดือน ในฐานะที่ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ดูเหมือนเขาจะเก็บงำประกาย ไม่ออกอาวุธเท่าไร แต่ครั้นเริ่มออกอาวุธ ก็เล่นเอาสะท้านกันไปเป็นแถบตั้งแต่ ‘ย่านรัชดา’ ยันไปถึงฟากฝั่ง ‘บางขุนพรหม’

การบุกไปพบนั่งจับเข่าคุยกับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อหลายวันก่อน โดยเจตนาไม่คุยพร้อมกันกับ ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คือ การส่งสัญญาณเตือนค่อนข้างแรงไปถึงใครบางคน ยิ่งถ้าฟังจากคำสัมภาษณ์ของเขา ก็ยิ่งชัดเจนในเนื้อหาว่า เขาอยากให้ตลาดหลักทรัพย์ฯปรับบทบาทอย่างไร

“ในฐานะที่เคยเป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้ามีคนมาถาม ผมก็จะบอกว่า เป็นผมก็จะยกเลิกโปรแกรมเทรดดิ้งมันไปซะเลย จะได้คลายข้อสงสัย ถ้ายกเลิกแล้วหุ้นมันไม่ดีขึ้น ก็แสดงว่ามาจากปัจจัยอื่น ส่วนที่กลัวกันว่าถ้ายกเลิกโปรแกรมเทรดดิ้งแล้ว ต่างชาติจะไม่ซื้อไม่ขาย ถ้าคิดอย่างนั้น ผมก็จะบอกว่า ไม่เทรดก็อย่าเทรด เราตั้งตลาดหลักทรัพย์มาเพื่อให้นักลงทุนคนไทยเป็นหลักไม่ใช่หรือ ถ้าคุณคิดว่าตลาดหุ้นเราดีคุณก็เข้ามาเทรด ธุระอะไรที่เราต้องไปดูแลคุณนักหนา ประเทศไทยก็เป็นตลาดเปิดเสรีอยู่แล้ว ถ้ามั่นใจก็เข้ามาเทรดกัน”

กิตติรัตน์ ณ ระนอง

ฟังคำสัมภาษณ์แบบไม่เกรงใจใครแบบนี้ บรรดาคนในวงการตลาดทุนต้อง ‘ซี๊ด’ ปากกันเป็นแถว จนเม้าท์กันสนั่นว่าตอนนี้บรรดาผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯบางคน เริ่มมีอาการร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงแบบผิดปกติไปตาม ๆ กัน และบางคนก็ถึงกับแอบบ่นว่าตอนนี้ ‘รัชดาหนาวมาก’

ถึงนาทีนี้ บอกได้เลยว่า ‘พี่ปุย’ ภากร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ คงต้องออก ‘แอ็คชั่น’ แรงๆ เพื่อจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับ ‘โปรแกรมเทรดดิ้ง’ เจ้าปัญหาที่นำไปสู่คำถามคาใจของ บรรดานักลงทุนรายย่อยว่า มันกลายเป็นตัวการทำ Naked Short Sell ทุบราคาหุ้น และกดตลาดหุ้นไทยให้มีอาการโงหัวไม่ขึ้น สวนทางตลาดหุ้นทั้งโลกอยู่ทุกวันนี้ 

เพราะหากยังแข็งขืนทำตัวเป็น ‘เด็กดื้อ’ ไม่ยอม ‘ตัดสวิตช์ก่อนตาย’ ปิดระบบโปรแกรมเทรดดิ้ง ยังคงปกป้องแบบที่ผ่านมาต่อไป ก็อาจจะต้องลุกจากเก้าอี้กลับไปนอนเล่นที่บ้านก่อนหมดวาระต้นปีหน้าเป็นแน่

ถึงแม้ กิตติรัตน์ จะออกตัวว่าเขามาในฐานะอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความเป็นห่วงตลาดหุ้น ซึ่งขณะนี้เผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่น และต้องการให้สร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ อะไรที่เป็นช่องโหว่ก็ควรแก้ไข และเชื่อว่าจะรับฟังนำไปดำเนินการ แต่เขาก็ส่งสัญญาณแรงๆไปอีกว่าจะกลับมาขอบคุณในวันที่ทำออกมาได้ดี หรือดีกว่าที่เสนอ 

ทิ้งปริศนาชวนคิดเอาไว้ว่า หากไม่มีการตอบสนอง จะเกิดอะไรตามมา ?

กิตติรัตน์ ยังโยนหินถามทาง ทิ้งระเบิดเวลาลูกใหญ่เอาไว้ เกี่ยวกับโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากระจุกตัวอยู่ในกลุ่มโบรกเกอร์บางค่าย และมีการสืบทอดอำนาจกันมาเป็นเวลาหลายปี จนเอื้อประโยชน์ให้กับโบรกเกอร์บางราย ที่สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดขึ้นมาในสัดส่วนที่สูงผิดปกติ   

กิตติรัตน์ บอกว่า เขาเป็นคนยึดในหลักการว่า อะไรเป็นสิ่งที่ควรจะทำมากกว่ายึดตามกฎเกณฑ์  และข้อสังเกตที่มีคนหยิบยกขึ้นมานั้น ต้องยอมรับว่ามีน้ำหนัก ดังนั้นในฐานะรุ่นพี่ ขอแนะนำว่า 

‘อะไรไม่สมควร ไม่ต้องรอให้ใครมาชี้หน้าก่นด่า ควรดำเนินการให้ถูกต้อง’

ว่ากันว่ากิตติรัตน์ ทำการบ้านเรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว และในฐานะที่เคยนั่งเก้าอี้ กก.ผจก.ตลาดหลักทรัพย์ฯมาก่อน เขาทราบดีว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นในตลาดหุ้นไทย และใครหรือโบรกเกอร์รายใดกำลังมีบทบาท และอิทธิพลมากจนเกินสมควรอยู่หรือไม่  

ข้อมูลในเชิงลึกที่เข้ามาจากหลายๆทาง ทำให้กิตติรัตน์เชื่อว่า จำเป็นต้องมีการสังคยานาเรื่องบางเรื่องในตลาดหุ้น และถึงเวลาที่จะต้องมีการเขย่าโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ ฯ ครั้งใหญ่ในเร็ววันนี้ เพื่อดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา หลังจากตลาดหุ้นไทยต้องบอบช้ำจาก กรณีอื้อฉาวในหลายเรื่อง ที่สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนรายย่อยกันมาอย่างหนัก 

โปรแกรมเทรดดิ้ง จึงเป็นเพียงก้าวแรกที่กิตติรัตน์ ต้องการจะทดสอบปฎิกริยาตอบรับว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดยุทธวิธี และก้าวเดินต่อไป...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์