จับพี่ศรี ตบทรัพย์อธิบดี โยงการเมืองใหญ่?

29 ม.ค. 2567 - 07:05

  • บุกรวบตัวนักร้องชื่อดัง กับ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

  • เหตุการณ์นี้ ไม่น่าจะมีความหมายแค่ด้านเดียว

  • แรงกระเพื่อมตามหลังมาในแง่มุมการเมืองยังมีต่อเนื่อง

Deep-Space-economy-rice-department-graft-EDIT-SPACEBAR-Hero.jpg

ตกเป็นข่าวดัง ข่าวใหญ่ ข่าวช็อกวงการฝ่ายตรวจสอบภาคประชาชน เมื่อศรีสุวรรณ จรรยา หรือพี่ศรีของใครต่อใครที่คุ้นกับบทบาทการทำหน้าที่ร้องเรียนในเรื่องต่าง ๆ มานาน จนอยู่ในกลุ่มนักร้องระดับแถวหน้าของเมืองไทยคนหนึ่ง

‘พี่ศรี’ ถูกเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยทั้ง **ปปป. ป.ป.ท.และ ป.ป.ช.**รวบตัวคาบ้านพักย่าน จ.ปทุมธานี เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ฐานข่มขู่เรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงาน และเรื่องนี้ทำกันเป็นขบวนการ โดยมี ‘ยศวริศ ชูกล่อม’ หรือเจ๋ง ดอกจิก กับ‘พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์’ อดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองคนเป็นคณะทำงานของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน

ทันทีที่ปรากฎเป็นข่าว พีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่างออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้อง พร้อมกับได้ให้ทั้งสองคนพ้นจากการเป็นคณะทำงานไป และเตรียมให้กรรมการบริหารพรรค ดำเนินการขับออกจากพรรคต่อ

เรื่องการเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าวของพี่ศรีและคณะ ก็เป็นคดีความที่ต้องว่ากันตามกฎหมายต่อไป

แต่ที่ไม่ว่าจะเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ก็ตาม เมื่อเรื่องนี้มีคนในคณะทำงานของรองนายกฯ พีระพันธุ์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยถึงสองคน และวันที่จับกุมก็ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ไปเฝ้ารอรวบตัวถึงในทำเนียบรัฐบาล

ลำพังการรวบตัวศรีสุวรรณคนเดียวก็น่าจะเป็นข่าวใหญ่พออยู่แล้วในวันนั้น แต่ยังมีภาพการเข้าไปควบคุมตัวทีมงานรองนายกฯ ถึงในทำเนียบรัฐบาล ปรากฏเป็นข่าวด้วย

แม้การเดินออกจากทำเนียบรัฐบาลของเจ๋ง ดอกจิก มาขึ้นรถนอกรั้วทำเนียบฯ จะมีเพียงเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเดินปะกบซ้ายขวา โดยปราศจากเครื่องพันธนาการใด ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นภาพที่มีให้เห็นไม่บ่อยนัก ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดถึงในทำเนียบรัฐบาล และเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่มีเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี

เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกี่ยวพันกับการเมืองหรือไม่ก็ตาม แต่บังเอิญอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่พูดกันหนาหูถึงการปรับ ครม.และอาจไปไกลถึงการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

ย้ำว่าเรื่องนี้ต้องแยกออกเป็นสองส่วน คือ การรีดเงินอธิบดีกรมการข้าว ที่ต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน กับอีกเรื่องที่มีคนการเมืองในคณะทำงานของรองนายกฯ พีระพันธุ์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

และที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้หลายเส้นหน่อย ก็ตรงที่พีระพันธุ์ เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันดีและเรียกกันติดปากว่า ‘พรรคลุงตู่’

วันนี้แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปรับตำแหน่งสำคัญแล้ว แต่ยังมีสายสะดือทางการเมืองเชื่อมโยงอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กฎหมายไม่เปิดช่องให้ลาออก

ดังนั้น ทุกครั้งที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงมักจะมีการนำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มาพูดถึงกันอยู่ ยิ่งการเมืองเดินมาถึงจุดสำคัญก่อน สว.จะครบเทอมในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ยิ่งต้องเร่งเวลาให้อีกฝ่ายรีบรวบหัวรวบหาง หากต้องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยที่อำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในมือ 250 สว.

ชื่อ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ลำดับ 2 ในบัญชีของพรรคฯ จึงถูกนำมาพูดถึงอยู่เป็นระยะ ๆ ในฐานะตัวตายตัวแทน ที่ถูกวางตัวให้มารับไม้ต่อจากลุงตู่

วันก่อน ‘โหรวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ’ เจ้าสักนักสุขิโต ที่ออกมาบอกใบ้ถึงผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในเร็วๆ นี้ ว่าเป็นผู้ชายและตอนนี้อยู่ในประเทศ ก็ทำให้คนการเมืองเกือบจะทุกสายตาต่างมองมาที่ชื่อพีระพันธุ์คนนี้

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหากจะมีขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากดีลลับหรือจากการที่เศรษฐาขยับสร้างผลงานไม่ออก โดยเฉพาะที่ประกาศเป็นนโยบายเรือธงไว้ก็ตาม การจับศรีสุวรรณและคณะในวันก่อน ถ้าจะนำมาเป็นขนมจีนผสมน้ำยาโยงเข้ากับการเมืองได้ ก็ตรงที่การเมืองใหญ่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้แหละ

ส่วนจริงเท็จเป็นอย่างไร ใครจะเตะตัดขาใคร ต้องรอดูกันต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์