ปะการังพังยับ! กรมอุทยานฯ เรียกเรือสินค้าเมียนมาเกยตื้นหมู่เกาะสุรินทร์ชดใช้ 12 ล้านบาท

4 มิ.ย. 2568 - 10:26

  • ผลการสำรวจเบื้องต้นพบปะการังได้รับผลกระทบ 150 ตารางเมตร ปะการังสีน้ำเงินเสียหาย 80% พร้อมขยะตกค้างที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศทางทะเล

  • ประเมินค่าชดเชยรวมมูลค่า 12,035,477.50 บาท แบ่งเป็นค่าฟื้นฟูแนวปะการัง 10 ล้านบาท ค่าความเสียโอกาสทางระบบนิเวศ 1.6 ล้านบาท และค่าดำเนินการ 4 แสนบาท

ปะการังพังยับ! กรมอุทยานฯ เรียกเรือสินค้าเมียนมาเกยตื้นหมู่เกาะสุรินทร์ชดใช้ 12 ล้านบาท

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งเอาผิดเรือขนส่งสินค้าสัญชาติเมียนมา ที่เกยตื้นแนวปะการังในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ถึงที่สุด พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 12 ล้านบาท สั่งเร่งกู้ซากเรือเพื่อให้กระทบต่อแนวปะการังน้อยที่สุด

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากกรณีเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมา “MV.AYAR LINN” เกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา กรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินความเสียหายและกำหนดแนวทางดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้รับผิดชอบอย่างถึงที่สุด ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง พร้อมจัดทำตัวเลขเรียกค่าชดเชยต่อทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ


เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมา ชื่อ “MV.AYAR LINN” เกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมา ชื่อ “MV.AYAR LINN” เกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

 จากผลการสำรวจเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ พบว่าแนวปะการังได้รับความเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 75 เมตร โดยเฉพาะช่วงระยะ 45–75 เมตร ที่ตัวเรือทับอยู่โดยตรง คาดว่าพื้นที่ปะการังที่เสียหายมีขนาดประมาณ 150 ตารางเมตร โดยชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่


ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายประมาณ 80%
ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายประมาณ 80%
  • ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายประมาณ 80%
  • ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) 15%
  • ปะการังโขด (Porites lutea) 5%

และยังพบปะการังแตกหักอีกหลายโคโลนี เช่น ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea), ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora), และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea)

ขยะตกค้างที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศทางทะเล
ขยะตกค้างที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศทางทะเล

นอกจากนี้ ยังพบขยะจากตัวเรือ อาทิ กระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก และสายยาง ตกค้างและติดอยู่ตามแนวปะการัง อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศทางทะเล

อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า การประเมินค่าชดเชยใช้เกณฑ์มาตรฐานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยพิจารณาค่าทดแทนจากการฟื้นฟู ค่าความเสียโอกาสทางระบบนิเวศ และค่าดำเนินการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 12,035,477.50 บาท แบ่งเป็น

  • ค่าฟื้นฟูแนวปะการัง 10,003,927.50 บาท
  • ค่าความเสียโอกาส 1,631,550 บาท
  • ค่าดำเนินการ 400,000 บาท
ความเสียหายกรณีทางทรัพยากรธรรมชาติ กรณีเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมาเกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
ความเสียหายกรณีทางทรัพยากรธรรมชาติ กรณีเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมาเกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ ได้สั่งการให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งดำเนินคดีทั้งในด้านอาญาและแพ่ง รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ศูนย์วิจัยทางทะเล, เจ้าท่าภูมิภาค, ศรชล., หน่วยทหารเรือ และตำรวจภูธรคุระบุรี เพื่อกำหนดแผนการกู้เรือโดยให้เกิดผลกระทบต่อปะการังน้อยที่สุด พร้อมวางแผนฟื้นฟูร่วมกับนักวิชาการและภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด


กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำรวจเบื้องต้นพบปะการังได้รับผลกระทบ 150 ตารางเมตร ปะการังสีน้ำเงินเสียหาย 80%
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำรวจเบื้องต้นพบปะการังได้รับผลกระทบ 150 ตารางเมตร ปะการังสีน้ำเงินเสียหาย 80%

5 มาตรการเร่งด่วน

ด้านนายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เผยว่าจากการร่วมหารือในประเด็นต่างๆ ได้ข้อสรุปแนวทางการแผนการจัดการ 5 มาตรการเร่งด่วน ดังนี้

1. การป้องกันการรั่วไหลของน้ำมัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำ อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ได้สำรวจสภาพเรือทั้งภายนอกและภายในตัวเรืออย่างละเอียด พร้อมทั้งสำรวจตำแหน่งถังน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือ เพื่อปิดวาล์วท่อรับและท่อส่งน้ำมันภายในตัวเรือ ป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง

2. เตรียมความพร้อมควบคุมน้ำมันรั่ว อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ประสานขอสนับสนุนทุ่นกักน้ำมัน (Oil Boom) เพื่อควบคุมปริมาณน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไม่ให้แยกออกจากกัน และไม่ไหลไปตามกระแสน้ำ หากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานเจ้าท่า จ.หวัดภูเก็ต ศรชล.ภาค 3 และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน

3. เตรียมทีมฉุกเฉิน ประสานขอสนับสนุน “เรือหลวงปันหยี” เจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์จากฐานทัพเรือพังงา ผ่านศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) สำหรับกรณีเกิดการรั่วไหลในปริมาณมาก

4. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้าน สภ.คุระบุรี ดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหาอย่างเข้มข้น ฐานความผิดตามที่อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารเรือและการเข้าออกประเทศ ในส่วนของประประเมินมูลค่าความเสียหายต่อทรัพยากร อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ร่วมมือกับกรมทรัพยากรชายฝั่ง และศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จ.ภูเก็ต ทำการเก็บข้อมูลความเสียหายประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษ แก่เจ้าของเรือลำดังกล่าว

5. แนวทางฟื้นฟูทรัพยากรใต้น้ำ อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต นักวิชาการทางทะเล และกลุ่มภาคีเครือข่ายนักดำน้ำ ร่วมกันสำรวจสภาพความเสียหายของทรัพยากรใต้น้ำอย่างละเอียด พร้อมเก็บขยะที่ปลิวจากเรือ (กระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง) และดำเนินการประกาศปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้ฟื้นฟู


เรื่องเด่นประจำสัปดาห์