ขวดแก้ว vs พลาสติก: งานวิจัยพบข้อมูลใหม่ล้างความเชื่อแบบพลิกหน้ามือ

28 มิ.ย. 2568 - 00:01

  • งานวิจัยในฝรั่งเศสเผยเครื่องดื่มจาก "ขวดแก้ว" มีไมโครพลาสติกมากกว่า "ขวดพลาสติก" ถึง 50 เท่า!!

ขวดแก้ว vs พลาสติก: งานวิจัยพบข้อมูลใหม่ล้างความเชื่อแบบพลิกหน้ามือ

แม้ขวดแก้วจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ แต่ผลการศึกษาล่าสุดจากฝรั่งเศสชี้ว่าบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้อาจไม่บริสุทธิ์อย่างที่หลายคนคาด

ข้อมูลที่น่าประหลาดใจเผยแพร่ทางวารสาร Journal of Food Composition and Analysis โดยสำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารของฝรั่งเศส หรือ ANSES ทำการศึกษาวิจัยและพบว่าเครื่องดื่มที่ขายใน “ขวดแก้ว” ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ หรือไวน์ มีปริมาณ “ไมโครพลาสติก” มากกว่าเครื่องดื่มชนิดเดียวกันที่บรรจุใน “ขวดพลาสติก”

เครื่องดื่มอย่างน้ำอัดลม เบียร์ และชาที่บรรจุในขวดแก้วมีปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ยสูงถึง 100 อนุภาคต่อลิตร ซึ่งมากกว่าที่พบในขวดพลาสติกหรือกระป๋องอลูมิเนียมถึง 5–50 เท่า

sustainability-glass-or-plastic-which-contains-more-microplastics-SPACEBAR-Photo01.jpg

“ไมโครพลาสติก” หรือชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กำลังกลายเป็นประเด็นสิ่งแวดล้อมระดับโลก หลังจากตรวจพบในอากาศที่เราหายใจ อาหารที่เรากิน และแม้แต่ในร่างกายมนุษย์ โดยปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าไมโครพลาสติกส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร แต่มีงานวิจัยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังพยายามหาคำตอบ

ทีมวิจัยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบปริมาณไมโครพลาสติกในเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ที่จำหน่ายในฝรั่งเศส และศึกษาว่าบรรจุภัณฑ์แบบใดส่งผลต่อการปนเปื้อนได้บ้าง แต่ผลที่ออกมาทำให้ทีมวิจัยต้องตกตะลึง

ดร.กีโยม ดูฟโลส ผู้อำนวยการวิจัยแห่งสำนักงาน ANSES กล่าว

Observations of cracks onto the outer face of new capsules (column A) and observations of yellow particles onto the inner face of new capsules (column B& C).
Observations of cracks onto the outer face of new capsules (column A) and observations of yellow particles onto the inner face of new capsules (column B& C).

การค้นพบที่เหนือความคาดหมาย

นักวิจัยระบุว่า พวกเขาคาดหวังว่าจะพบไมโครพลาสติกน้อยกว่าในขวดแก้ว เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก แต่กลับได้ผลตรงกันข้าม

“อนุภาคที่เราพบในขวดแก้วมีลักษณะ สี และองค์ประกอบทางเคมีตรงกับสีที่เคลือบอยู่บนฝาขวดแก้ว ซึ่งหมายความว่าอนุภาคเหล่านี้น่าจะหลุดมาจากฝา ไม่ใช่ตัวขวด”

อีเซลีน ไชบ์ นักศึกษาปริญญาเอกและผู้ทำวิจัย กล่าว

ฝาขวดที่ดูเหมือนปลอดภัยเหล่านี้ มีรอยขีดข่วนเล็กๆ จากแรงเสียดสีระหว่างการจัดเก็บ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของไมโครพลาสติกโดยไม่รู้ตัว

แล้วไวน์ล่ะ?

สำหรับน้ำเปล่าทั้งแบบธรรมดาและแบบมีฟอง (โซดา หรือสปาร์คลิ่ง) มีปริมาณไมโครพลาสติกถือว่าค่อนข้างต่ำ โดยพบประมาณ 4.5 อนุภาคต่อลิตรในขวดแก้ว และเพียง 1.6 อนุภาคในขวดพลาสติก ซึ่งดูแล้ว “ไวน์ยังปลอดภัยกว่า”

ที่น่าสนใจคือ ไวน์ในขวดแก้ว แม้มีฝาปิดก็พบไมโครพลาสติกในปริมาณต่ำอย่างไม่คาดคิด ซึ่งนักวิจัยยอมรับว่ายังไม่สามารถอธิบายได้แน่ชัดว่าทำไม ในทางตรงกันข้าม เครื่องดื่มอื่นๆ เช่น

  • น้ำอัดลม มีประมาณ 30 อนุภาคต่อลิตร
  • เลมอนเนด มีประมาณ 40 อนุภาคต่อลิตร
  • เบียร์ มีประมาณสูงถึง 60 อนุภาคต่อลิตร

ความยั่งยืนต้องคำนึงถึงทั้งระบบ

แม้ยังไม่มีมาตรฐานสากลว่า ระดับไมโครพลาสติกในเครื่องดื่มเท่าใดจึงจะเป็นอันตราย แต่การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า การเลือก “บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน” ต้องพิจารณาองค์ประกอบมากกว่าตัววัสดุ เช่น กระบวนการผลิต การจัดเก็บ หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยอย่างฝาขวด

ทั้งนี้ ANSES แนะนำวิธีลดการปนเปื้อนได้ง่าย  เช่น การทำความสะอาดฝาขวดด้วยการเป่าลม และล้างด้วยน้ำและแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถลดปริมาณไมโครพลาสติกได้มากถึง 60%

ทางเลือกเพื่อโลกสีเขียวต้องอิงข้อมูล ไม่ใช่แค่ความรู้สึก

ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การหันมาใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติกถือเป็นเจตนาที่ดี แต่บทเรียนจากงานวิจัยนี้เตือนว่า ความยั่งยืนที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ของวัสดุ หากแต่อยู่ที่การเข้าใจระบบทั้งหมดของการผลิต การใช้งาน และผลกระทบในระยะยาว

วันนี้ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการลดพลาสติก และกำลังมองหาทางเลือกที่ยั่งยืน เช่น ขวดแก้ว หรือโลหะ แต่การตัดสินใจเพื่อสิ่งแวดล้อมควรตั้งอยู่บนฐานข้อมูล ไม่ใช่เพียงภาพจำหรือความเชื่อ และความยั่งยืนที่แท้จริง คือการเข้าใจผลกระทบของวัสดุทั้งวงจรชีวิต ไม่ใช่แค่ที่ปลายทางของผู้บริโภค

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์