กลางฤดูวางไข่ของเต่าทะเล มีข่าวดีส่งตรงจากชายฝั่งอ่าวไทย ล่าสุด นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม รายงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม ลาดตระเวนในพื้นที่เกาะทะลุ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบร่องรอยแม่เต่ากระขึ้นมาวางไข่ บริเวณอ่าวเทียน ของเกาะทะลุ การค้นพบครั้งนี้นับเป็นรังที่ 8 ของปีงบประมาณ ที่พบในเขตพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม

แม้ไม่พบแม่เต่าเผ้ารังแต่เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลสำคัญไว้ครบถ้วน โดยพบไข่เต่าจำนวน 169 ฟอง รังไข่อยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 25 เมตร มีรอยทางที่แม่เต่าเดินจากรังไข่ลงสู่ทะเลเป็นระยะทาง 27 เมตร นอกจากนี้ ยังพบความกว้างของรอยช่วงอกแม่เต่า 64 เซนติเมตร และขนาดของหลุมไข่กว้าง 16 เซนติเมตร ลึก 38 เซนติเมตร
เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายรังไข่ทั้งหมดไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม ซึ่งจะรับหน้าที่ดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป นายเอกฤทธิ์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการเจริญเติบโตของลูกเต่าทะเล

รู้จัก ‘เต่ากระ’ ผู้พิทักษ์แนวปะการัง
เต่ากระ (Hawksbill Turtle) เป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่จัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ตามบัญชีขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) จุดเด่นของเต่ากระไม่ใช่เพียงกระดองสวยงามซึ่งมักถูกล่าอย่างผิดกฎหมายในอดีต แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อแนวปะการังที่เป็นแหล่งอนุบาลของสิ่งมีชีวิตนับพันสายพันธุ์
ในบรรดาเต่าทะเล “เต่ากระ” จำทำหน้าที่เป็นผู้ล่าฟองน้ำทะเลโดยธรรมชาติ ซึ่งช่วยควบคุมการเติบโตของฟองน้ำที่อาจแย่งพื้นที่และแสงแดดจากปะการัง การดำรงอยู่ของเต่ากระจึงเปรียบเสมือนผู้ควบคุมสมดุลของระบบนิเวศใต้ทะเล หากไม่มีเต่าชนิดนี้ แนวปะการังอาตเสี่ยงต่อการเสื่อมโทรมและระบบนิเวศชายฝั่งอาจถึงขั้นล่มสลาย
เต่าทะเลกำลังเผชิญกับภัยคุกคามอะไรบ้าง?
ปัจจุบันเต่าทะเลกำลังเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงหลายด้าน IUCN ระบุว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการประมงเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะการลากอวนและการตกปลาแบบใช้เบ็ดราว ที่มักทำให้เต่าทะเลติดอวนโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมันไม่สามารถขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำได้ทันเวลา ส่งผลให้จมน้ำตาย นอกจากนี้ เครื่องมือประมงสมัยใหม่ยังส่งผลกระทบต่อแหล่งอาศัยของเต่า ทำลายระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารที่เต่าทะเลต้องพึ่งพา
อีกหนึ่งภัยคุกคามที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วโลกคือ การล่าเต่าอย่างผิดกฎหมาย แม้จะมีกฎหมายระหว่างประเทศอย่าง CITES ที่ห้ามการค้าสัตว์ป่าหายาก เต่าทะเลทั้ง 7 สายพันธุ์ก็ยังคงถูกล่าเพื่อนำไข่ เนื้อ ผิวหนัง และกระดองไปขาย โดยเฉพาะกระดองของเต่ากระ ซึ่งมีลวดลายสีทองและน้ำตาลที่มนุษย์นิยมใช้ทำเครื่องประดับมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ จนส่งผลให้เต่ากระกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อจำนวนประชากรเต่าทะเลเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนสมดุลทางธรรมชาติในระยะยาว
แม้เต่าทะเลจะได้รับการจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ แต่ในหลายภูมิภาคของโลกยังขาดการบังคับใช้กฎหมายในการปกป้องพวกมันอย่างจริงจัง บางแห่งยังปล่อยให้มีการล่าและค้าขายเต่าทะเลโดยอ้างอิงถึงขนบธรรมเนียมทางวัฒนธรรมเก่าแก่ แม้จะละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าแนวปฏิบัติเหล่านี้ทำลายสมดุลของธรรมชาติอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน การพัฒนาแนวชายฝั่งที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งโรงแรม ท่าเรือ และสิ่งปลูกสร้างริมทะเล ล้วนทำลายแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล รวมถึงแสงไฟจากอาคารที่รบกวนทิศทางการเดินของลูกเต่าที่เพิ่งฟักตัว ทำให้พวกมันไม่สามารถเดินกลับสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย
นอกจากภัยจากมนุษย์โดยตรงแล้ว เต่าทะเลยังเผชิญกับวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น ขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลในทะเล โดยเฉพาะถุงพลาสติกที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมงกะพรุน กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เต่าทะเลจำนวนมากกินเข้าไปและเสียชีวิต ขณะที่อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้เพศของลูกเต่าผิดปกติ และลดจำนวนเต่าตัวผู้ลงอย่างมีนัยสำคัญ นำไปสู่ปัญหาการขาดสมดุลในกระบวนการสืบพันธุ์ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น พายุที่รุนแรงและถี่ขึ้นกำลังคุกคามชายหาด แนวปะการัง และแหล่งอาศัยธรรมชาติของเต่าทะเลทั่วโลก ทำให้อนาคตของสิ่งมีชีวิตโบราณชนิดนี้อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ความสำคัญที่มากกว่าแค่ตัวเลข
การพบรังไข่ครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียง 1 ใน 8 รังของปี แต่สะท้อนให้เห็นถึงผลของความพยายามด้านการอนุรักษ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวนชายหาด การควบคุมการพัฒนาชายฝั่ง และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อปกป้องเต่าทะเลจากภัยคุกคามทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์
ในยุคที่ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประมงเกินขนาด มลพิษทางทะเล และการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน เต่ากระ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังว่าเรายังสามารถร่วมกันรักษาสมดุลของธรรมชาติให้คงอยู่
เส้นทางสู่ความยั่งยืน เริ่มได้จากชายฝั่ง
การอนุรักษ์เต่าทะเลไม่ใช่ภารกิจเฉพาะของเจ้าหน้าที่หรือองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน เราสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยการลดการใช้พลาสติก หลีกเลี่ยงการสนับสนุนสินค้าจากสัตว์ป่า เลือกบริโภคอาหารทะเลจากแหล่งที่ยั่งยืน และให้ความรู้กับคนรอบตัวเกี่ยวกับความสำคัญของระบบนิเวศทางทะเล
รังไข่เล็กๆ ที่เกาะทะลุในวันนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นคืนชีวิตให้กับมหาสมุทรไทย และเต่าทะเลคือผู้นำทางสำคัญในเส้นทางนี้