BAN เตือนด่วน! ขยะมลพิษ 5,500 ตันจ่อเข้าไทย 222 ตู้ต้องสงสัยรอขึ้นฝั่ง

31 พ.ค. 2568 - 09:16

  • เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล ส่งหนังสือแจ้งเตือนหน่วยราชการไทย เฝ้าระวัง 222 ตู้คอนเทนเนอร์ลักลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกกว่า 5,500 ตันเข้าไทย

  • บททดสอบระบบกำกับดูแลและอนาคตความยั่งยืนของประเทศ กรณีขยะพิษทะลักเข้าไทย ฉายช่องโหว่ที่ยังปิดไม่สนิท

BAN เตือนด่วน! ขยะมลพิษ 5,500 ตันจ่อเข้าไทย 222 ตู้ต้องสงสัยรอขึ้นฝั่ง

ประเด็นการลักลอบขนขยะพิษเข้าไทย ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (31 พฤษภาคม 2568) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) โพสต์ข้อความแจ้งว่า เมื่อคืนวานนี้ (30 พฤษภาคม 2568) เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล หรือ BAN (Basel Action Network) องค์กรพัฒนาเอกชนประเทศสหรัฐอเมริกาที่ติดตามปัญหาการค้าขยะข้ามแดน ส่งหนังสือแจ้งเตือนหน่วยราชการไทยพร้อมกับแจ้งมาทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ในฐานะเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันมายาวนาน ว่าเรือบรรทุกสินค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 35 ลำ กำลังจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมจนถึง 21 มิถุนายน 2568 นี้ โดยรวมแล้วจะนำเข้าขยะอันตรายและผิดกฎหมายมายังประเทศไทยมากถึง 222 ตู้คอนเทนเนอร์ แบ่งเป็นตู้ขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 219 ตู้ และขยะพลาสติกจำนวน 3 ตู้

ทั้งนี้ เรือบรรทุกขยะอันตรายและผิดกฎหมายกลุ่มแรกจำนวน 5 ลำ มีกำหนดเข้าเทียบท่าตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมแล้ว จากนั้นจะทยอยเข้ามาอีกระหว่างวันที่ 1-21 มิถุนายน สำหรับวันที่จะมีเรือขยะเทียบท่าจำนวนมากเช่น 2 มิถุนายน จำนวน 32 ตู้ วันที่ 4 มิถุนายน 26 ตู้ วันที่ 6 มิถุนายน 22 ตู้ และวันที่ 10 มิถุนายน 40 ตู้ ปิดท้ายด้วยวันที่ 21 มิถุนายน จำนวน 4 ตู้

ถ้าคิดตามอัตราบรรทุกขั้นต่ำว่า 1 ตู้คอนเทนเนอร์จุน้ำหนักได้ 25 ตัน จำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ที่จะเข้าไทยระลอกนี้จะมากถึง 5,475 ตัน ส่วนขยะพลาสติกจะเข้ามาประมาณ 75 ตัน

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า ทาง BAN ไม่เพียงแจ้งเตือนมาในเชิงภาพรวมเท่านั้น หากแต่ได้แนบข้อมูลในรายละเอียดต่างๆ มาด้วย ครอบคลุมตั้งแต่ท่าเรือต้นทาง วันที่เรือออกจากท่า ชื่อเรือแต่ละลำ เลขตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนเรือที่จะเข้าเทียบท่าในแต่ละวัน ดังนั้นทางการไทยไม่ควรที่จะยอมให้เรือเหล่านี้เข้าเทียบท่าเลยด้วยซ้ำ

“ที่ผ่านมา BAN เคยแจ้งเตือนเรื่องการขนส่งขยะอันตรายข้ามแดนที่ละเมิดอนุสัญญาบาเซลมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะกรมศุลกากรจึงควรสกัดกั้นมิให้เรือต้องสงสัยทั้ง 222 ลำเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องรับขยะอันตรายจากอเมริกากว่า 5,500 ตันเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระต้องผลักดันกลับ รวมถึงเสี่ยงว่าจะมีการรั่วไหลกระจายออกไป” ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศแสดงความเห็น

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ได้ประสานเรื่องดังกล่าวไปกับ ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ทราบเรื่องแล้ว

“คุณโอ๋เห็นด้วยว่าควรต้องสกัดกั้นการนำเข้าตั้งแต่ระดับหน้าด่าน คือที่ท่าเรือเลย”

ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศให้ข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกแล้ว โดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 (และบัญชีท้ายประกาศฯ) ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 428 รายการ ส่วนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 กำหนดห้ามนำเข้าเศษพลาสติกตามพิกัดฯ 39.15 ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ นิยามของ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวคือ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษ (ไม่รวมเศษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า และแบตเตอรี่อื่นๆ สวิทซ์ที่มีปรอทเป็นองค์ประกอบในการทำงาน เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด และแอกติเวเต็ดกลาสอื่นๆ ตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีสารพีซีบี หรือที่ปนเปื้อนด้วยแคดเมียม ปรอท ตะกั่ว โพลีคลอริเนทเต็ดไบฟีนิล ซึ่งเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตามบัญชี 5.2 ลำดับที่ 2.18 ของประกาศกระทรวงว่าด้วยวัตถุอันตราย

ส่วนนิยามคำว่า “เศษพลาสติก” หมายความว่า เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก ตามพิกัดศุลกากรประเภท 39.15


กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจจับการลักลอบนำเข้าขยะสู่ไทย
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจจับการลักลอบนำเข้าขยะสู่ไทย

ขยะพิษทะลักเข้าไทย ช่องโหว่ที่ยังปิดไม่สนิท

แม้ประเทศไทยจะมีมาตรการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม โดยมีการออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ปี 2563 และ 2567 เพื่อยืนยันการแบนขยะอุตสาหกรรมเหล่านี้ทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติยังคงพบการลักลอบหรืออาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

กรณีล่าสุดของขบวนการนำเข้ายางใช้แล้วผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี ที่เจ้าหน้าที่บุกตรวจสอบเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในกระบวนการควบคุมและกำกับกิจกรรมอุตสาหกรรมเสี่ยง

ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมโรงงานรีไซเคิลที่ลักลอบดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการนำเข้าขยะอุตสาหกรรมจากกัมพูชาและเบลเยียม โดยไม่มีเอกสารแสดงที่มาถูกต้อง และอาจเข้าข่ายละเมิดประกาศห้ามนำเข้าวัตถุอันตรายของกระทรวงพาณิชย์

 

ลักลอบนำเข้าโดยอ้าง “รอส่งออก” ศูนย์เหรียญในเขตปลอดอากร

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการทลายแก๊งศูนย์เหรียญลักลอบนำเข้า E-Waste โดยแสดงเอกสารสำแดงว่าเป็น “เศษอลูมิเนียมผสม” หรือ Mix Metal Scrap แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการปะปนของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดว่าเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล

บริษัทผู้นำเข้าอ้างว่าสินค้าดังกล่าวเพียง “พักในไทย” เพื่อเตรียมส่งออกไปประเทศจีน แต่ตามข้อกำหนดของอนุสัญญาบาเซล การเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายจะต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดเจนจากประเทศปลายทางก่อน มิฉะนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ


กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจจับการลักลอบนำเข้าขยะสู่ไทย
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจจับการลักลอบนำเข้าขยะสู่ไทย

บทเรียนด้านกฎหมาย เขตปลอดอากร และการคุ้มครองที่ยังไม่ทั่วถึง

พื้นที่ “เขตปลอดอากร” (Free Zone) กลายเป็นช่องว่างสำคัญที่เปิดโอกาสให้มีการนำเข้าขยะพิษเข้ามายังประเทศไทยโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเทียบเท่าพื้นที่ทั่วไป แม้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งออกก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการรั่วไหลออกสู่ชุมชนโดยรอบและการก่อมลพิษยังคงมีอยู่สูง ล่าสุดที่ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านหวั่นดินแจกฟรีกลายเป็นช่องทางทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ เสี่ยงมลพิษในดินระยะยาว

ภายใต้โมเดลธุรกิจ “ศูนย์เหรียญ” ที่นำเข้าวัตถุดิบต้นทุนต่ำจากต่างประเทศเพื่อการผลิตหรือแปรรูปก่อนส่งออก พบว่าบางบริษัทใช้ช่องทางนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาการนำเข้าขยะพิษอย่างแฝงเร้น

 

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ภัยเงียบสะสมพิษ

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) เป็นหนึ่งในของเสียที่จัดการยากที่สุดในโลก เนื่องจากประกอบด้วยสารเคมีอันตราย เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาทและก่อมะเร็งในระยะยาว หากเข้าสู่สิ่งแวดล้อมผ่านน้ำใต้ดินหรือการเผาไหม้โดยไม่ผ่านกระบวนการควบคุม อาจก่อให้เกิดปัญหาสาธารณสุขในระดับชาติ

 

ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงกรณีละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบต่อความสามารถของรัฐไทยในการปกป้องทรัพยากรและประชาชนจากการตกเป็นเป้าหมายของ “ขบวนการขยะข้ามชาติ”

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์กรภาคประชาสังคม ได้แสดงความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในการเฝ้าระวังและดำเนินคดี แต่ในระยะยาว การปิดช่องโหว่กฎหมาย การควบคุมพื้นที่พิเศษ และการลงทุนในระบบตรวจสอบอัจฉริยะ เช่น AI วิเคราะห์ภาพสแกนตู้คอนเทนเนอร์ จะเป็นกลไกสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หากไม่มีการลงมืออย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยอาจกลายเป็น “ถังขยะของโลก” โดยไม่รู้ตัว และต้องรับภาระมหาศาลทั้งทางเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมในอนาคต

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์