หมดความขื่นขม คริปโทฯ จะลงจากดอย

13 ตุลาคม 2566 - 08:27

cryptocurrency-bitcoin-blockchain-crypto-SPACEBAR-Hero.jpg
  • คริปโทเคอเรนซี กำลังจะกลับมา ถึงแม้ตลาดจะซบเซามาระยะหนึ่ง

  • เป็นช่วง “Build in Bear, Rise in Bull”

  • กุมภาพันธ์ปีหน้า เกิดสถานการณ์ BTC Halving

สัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึง “อนาคตตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย” ในหัวข้อ “Build in Bear, Rise in Bull” ว่า การลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล อย่างคริปโทเคอเรนซีกำลังจะกลับมา ถึงแม้ตลาดจะซบเซามาระยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว สะท้อนจากราคาของ BTC หรือ บิทคอยน์ ที่เริ่มปรับตัวกลับขึ้นมายืนได้ที่ระดับ 26,700-26,800 เหรียญได้อีกครั้งหนึ่ง 

ในช่วงกุมภาพันธ์ปีหน้า จะมีเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า BTC Halving ซึ่งจะทำให้จำนวน Bitcoin ใหม่ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานของบิตคอยน์ลดลง

นอกจากนี้เขาเชื่อว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโต 5-10 เท่า สะท้อนจากรายงานการเข้าถึงคริปโท ในประเทศไทยที่อยู่อันดับที่ 10 ของโลก และมีฐานผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากกว่า 3 ล้านบัญชี ประกอบกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโท มีฐานผู้ใช้งานที่กว้างขึ้น มีโอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงหลายประเทศเองก็มีการเปิดรับบล็อกเชนมากขึ้น นอกเหนือจากเรามีผู้ประกอบธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง 

ขณะที่ ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และเริ่มเข้าสู่ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านมุมมองจากการเก็งกำไร มาสู่การใช้งานจริงมากขึ้น ทั้งสเตเบิลคอยน์ และ CBDC หรือ “บาทดิจิทัล” ของรัฐบาลสะท้อนทิศทางสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยอย่างมีนัยะสำคัญ

ทางด้าน นที เทพโภชน์ ผู้ก่อตั้ง Block Mountain ย้ำถึงมุมมองด้านสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนตื่นตัวและตระหนักรู้ถึง “บล็อกเชน”มากขึ้น ถ้าหากไม่มีคุณค่าและความสำคัญ รัฐบาลและกลุ่มธุรกิจจะไม่เลือกใช้บล็อกเชนจนนำมาสู่นโยบายหาเสียงในปัจจุบัน อย่างเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนั้นภาครัฐต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนและส่งเสริมการเข้าถึงการใช้งาน และการพัฒนาคนด้านเทคโนโลยีด้วย

ขณะที่ ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด หรือ KX พูดถึงทิศทางอนาคตไทยในอนาคตผ่านหัวข้อ Blockchain Vision Forward “เปิดมุมมองอนาคตโลกบล็อกเชน” ว่าโจทย์ที่ท้าทาย คือการประยุกต์ใช้ บล็อกเชน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจแต่จะต้องสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานได้จริงและง่ายต่อการเข้าถึง

การยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยได้ด้วย ผ่าน 3 ส่วนสำคัญ คือ ”รัฐบาล” มีหน้าที่ช่วยพลักดันด้านนโยบายและกำกับดูแลอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพทั้งผู้ใช้งาน นักลงทุนและกลุ่มธุรกิจ

“ภาคเอกชน” มีหน้าที่พัฒนารูปแบบบล็อกเชนให้มีความหลากหลาย เช่น KX ที่มีกลยุทธ์ในการลงทุนในบริษัทเทค หรือสตาร์ทอัปทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความรู้และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ

และเรื่องสุดท้ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอนาคต คือ “การศึกษา”ในการสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีเข้าสู่อุตสาหกรรม

ขณะที่ ดีพร้อม สมเกียรติเจริญ หัวหน้านักพัฒนาจาก บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกนำไปวางอยู่บนบล็อกเชนเป็นสิ่งที่สำคัญ จากความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทำให้จะต้องคัดกรองข้อมูลที่มีความสำคัญให้ถี่ถ้วน พร้อมทั้งนำข้อดีของความโปร่งใสและไม่มีตัวกลางจะสามารถเข้ามาช่วยหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างดีในรูปแบบ Opendata หากนำมาเป็นตัวกลางในการทำงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ข่าวน่าสนใจ

พาณิชย์ ผนึกตลาดกลาง หนุนกินเจ เติมผักราคาถูก เต็มสูบ!

สี่มุมเมือง ต้นแบบตลาดค้าส่ง ฟันเฟือง ศก.ประเทศ

3 โบรกฯ แนะหุ้นเด่น ช่วงใกล้สิ้นสุดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์