สัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึง “อนาคตตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย” ในหัวข้อ “Build in Bear, Rise in Bull” ว่า การลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล อย่างคริปโทเคอเรนซีกำลังจะกลับมา ถึงแม้ตลาดจะซบเซามาระยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว สะท้อนจากราคาของ BTC หรือ บิทคอยน์ ที่เริ่มปรับตัวกลับขึ้นมายืนได้ที่ระดับ 26,700-26,800 เหรียญได้อีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงกุมภาพันธ์ปีหน้า จะมีเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า BTC Halving ซึ่งจะทำให้จำนวน Bitcoin ใหม่ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานของบิตคอยน์ลดลง
นอกจากนี้เขาเชื่อว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโต 5-10 เท่า สะท้อนจากรายงานการเข้าถึงคริปโท ในประเทศไทยที่อยู่อันดับที่ 10 ของโลก และมีฐานผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากกว่า 3 ล้านบัญชี ประกอบกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโท มีฐานผู้ใช้งานที่กว้างขึ้น มีโอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงหลายประเทศเองก็มีการเปิดรับบล็อกเชนมากขึ้น นอกเหนือจากเรามีผู้ประกอบธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง
ขณะที่ ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และเริ่มเข้าสู่ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านมุมมองจากการเก็งกำไร มาสู่การใช้งานจริงมากขึ้น ทั้งสเตเบิลคอยน์ และ CBDC หรือ “บาทดิจิทัล” ของรัฐบาลสะท้อนทิศทางสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยอย่างมีนัยะสำคัญ
ทางด้าน นที เทพโภชน์ ผู้ก่อตั้ง Block Mountain ย้ำถึงมุมมองด้านสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนตื่นตัวและตระหนักรู้ถึง “บล็อกเชน”มากขึ้น ถ้าหากไม่มีคุณค่าและความสำคัญ รัฐบาลและกลุ่มธุรกิจจะไม่เลือกใช้บล็อกเชนจนนำมาสู่นโยบายหาเสียงในปัจจุบัน อย่างเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนั้นภาครัฐต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนและส่งเสริมการเข้าถึงการใช้งาน และการพัฒนาคนด้านเทคโนโลยีด้วย
ขณะที่ ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด หรือ KX พูดถึงทิศทางอนาคตไทยในอนาคตผ่านหัวข้อ Blockchain Vision Forward “เปิดมุมมองอนาคตโลกบล็อกเชน” ว่าโจทย์ที่ท้าทาย คือการประยุกต์ใช้ บล็อกเชน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจแต่จะต้องสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานได้จริงและง่ายต่อการเข้าถึง
การยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยได้ด้วย ผ่าน 3 ส่วนสำคัญ คือ ”รัฐบาล” มีหน้าที่ช่วยพลักดันด้านนโยบายและกำกับดูแลอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพทั้งผู้ใช้งาน นักลงทุนและกลุ่มธุรกิจ
“ภาคเอกชน” มีหน้าที่พัฒนารูปแบบบล็อกเชนให้มีความหลากหลาย เช่น KX ที่มีกลยุทธ์ในการลงทุนในบริษัทเทค หรือสตาร์ทอัปทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความรู้และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
และเรื่องสุดท้ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอนาคต คือ “การศึกษา”ในการสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีเข้าสู่อุตสาหกรรม
ขณะที่ ดีพร้อม สมเกียรติเจริญ หัวหน้านักพัฒนาจาก บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกนำไปวางอยู่บนบล็อกเชนเป็นสิ่งที่สำคัญ จากความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทำให้จะต้องคัดกรองข้อมูลที่มีความสำคัญให้ถี่ถ้วน พร้อมทั้งนำข้อดีของความโปร่งใสและไม่มีตัวกลางจะสามารถเข้ามาช่วยหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างดีในรูปแบบ Opendata หากนำมาเป็นตัวกลางในการทำงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ข่าวน่าสนใจ
พาณิชย์ ผนึกตลาดกลาง หนุนกินเจ เติมผักราคาถูก เต็มสูบ!