ก.พลังงานปั่นป่วน มึน..งง..สไตล์ทำงานรัฐมนตรี

17 ต.ค. 2566 - 09:12

  • ลดค่าไฟ – ดีเซล มาตรการเฉพาะกิจ สร้างผลงานให้เข้าตาประชาชน

  • ลดราคาน้ำเบนซิน ชงเองตบเอง ทำคะแนนให้ตัวเอง

  • ข้าราชการในกระทรวง ตามเกม รมว.พลังงาน แทบไม่ทัน

economy-energy-oil-electricity-bill-diesel-gasoline-government-officer-SPACEBAR-Hero.jpg

นับตั้งแต่ รัฐบาลของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานที่อยู่ในความดูแลของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เป็นกระทรวงที่ดูจะมีผลงานในการเอาใจประชาชนที่เป็นฐานเสียงเป็นรูปธรรมมากที่สุด เห็นได้จากการที่มีการปรับราคาพลังงานลงมา ชนิดที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนในวงการพลังงานมากพอสมควร 

เริ่มตั้งแต่การกระชากราคาไฟฟ้าลงมา 2 ระลอก จนลงมาเหลือหน่วยละ 3.99 บาท โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต กฟผ. และ ปตท. รับบทเป็น “เดอะแบก” ยืดหนี้ค่าก๊าซธรรมชาติออกไป หรือการขอให้กระทรวงการคลังลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท

พีระพันธุ์ ยังมีเป้าหมายใหญ่อีกเรื่อง คือ การกระชากราคาน้ำมันเบนซินลงมา โดยล่าสุดเขาประกาศว่าจะลดราคาน้ำมันเบนซินลงให้ไม่น้อยกว่าดีเซล คืออย่างน้อยลิตรละ 2.50 บาท !!!

แต่การกระชากราคาพลังงานลงมาในห้วงเวลาเพียงเดือนเศษที่ผ่านมา สำหรับคนในแวดวงพลังงานต่างทราบกันดีว่า เป็นเพียงมาตรการเฉพาะกิจ เพื่อสร้างผลงานให้เข้าตาประชาชน แต่ยังไม่ได้มีการลงมือสังคยานาเรื่องโครงสร้างราคาพลังงานอย่างจริงจังแต่อย่างใด 

ตรงกันข้ามสำหรับคนในกระทรวงพลังงานต่างกำลังปวดหัวกับสไตล์การทำงานแบบแปลก ๆ ของ พีระพันธุ์ ชนิดแทบจะตามเกมไม่ทัน

ในการตั้งแท่นเสนอเรื่อง เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาหลายครั้ง แทนที่จะหาข้อสรุปให้ชัดเจนในระดับกระทรวงก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี กลับมีการบรรจุวาระพิจารณาไปก่อน ซึ่งบางครั้งหลังจาก ครม.อนุมัติไปแล้ว ก็ส่งกลับมาให้พิจารณาทบทวนใหม่ อย่างในกรณีของค่าไฟฟ้า ที่มีการปรับติด ๆ กันถึง 2 ครั้ง

ล่าสุดกรณีการพิจารณาแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน

ก่อนหน้านี้ รมว.พีระพันธุ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตอนรับตำแหน่งใหม่ ๆ ว่า อยากให้มีการลดราคาน้ำมันเบนซิน เพื่อช่วยเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มไรเดอร์ หรือผู้มีรายได้น้อย แต่เมื่อนำเรื่องไปพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา รมว.พีระพันธุ์ กลับเป็นคนดึงเรื่องที่ต้นเรื่อง คือ กระทรวงพลังงานเสนอกลับไปทบทวน โดยให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับทั้งสองแนวทางที่กระทรวงพลังงานเสนอมา แต่อยากให้ลดในภาพรวมมากกว่า จึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายละเอียดเพิ่มทางเลือกที่ 3 คือ การลดราคาในภาพรวม โดยระบุว่ามีเป้าหมายที่จะลดลงมาไม่ต่ำกว่าลิตรละ 2.50 บาท ซึ่งสร้างความสับสน งุนงงให้กับ ข้าราชการฝ่ายปฏิบัติเป็นอย่างมาก

“เราก็เสนอทั้ง 2 แนวทางตามที่ท่านบอกมา แต่พอเอาเรื่องเข้าไปพิจารณาใน ครม. ท่านกลับบอกว่าอยากให้ลดเบนซินทั้งระบบลงมาลิตรละ 2.50 บาท ให้ดึงเรื่องกลับมาพิจารณาใหม่ คำถามคือ ทำไมไม่ถอนวาระออกมาเสียตั้งแต่แรก แต่นี่เหมือน “ชงเองตบเอง” ทำคะแนนให้ตัวเอง”

รายงานข่าวจากวงการพลังงาน ระบุว่า หาก รมว.พีระพันธุ์ ต้องการจะกระชากราคาน้ำมันเบนซินลงมาถึงลิตรละ 2.50 บาท เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนจริง หากยังไม่มีการปรับโครงสร้างราคาใหม่ โดยเฉพาะเรื่องค่าการกลั่น หรือ ค่าการตลาด ที่จะพยายามคุมไม่ให้สูงเกินจริง ก็ต้องใช้วิธีลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต หรือลดการจัดเก็บเม็ดเงินเข้ากองทุนน้ำมันลง

“ปัจจุบันเรามีการใช้น้ำมันเบนซินราววันละ 30 ล้านลิตร หากจะลดราคาลงลิตรละ 2.50 บาท ก็ตกวันละ 75 ล้านบาท เดือนละ 2,250 ล้านบาท หรือปีละราว 27,000 ล้านบาท คำถามคือจะโยนภาระไปที่ใคร กรมสรรพสามิต หรือ กองทุนน้ำมัน”

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน ยังเปิดเผยอีกว่า สถานการณ์ในกระทรวงตอนนี้ ข้าราชการระดับสูงต่างสับสนในการทำงานกับ รมว.คนปัจจุบัน และพยายามที่จะปรับตัวกันอย่างมาก เพราะแม้แต่ สถานที่ทำงาน รมว.พีระพันธุ์ ก็เลือกที่มาตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่บ้านพิบูลธรรม หรือ บ้านนนทรี อาคารเก่า สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ที่เชิงสะพานยศเส ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน แทนที่จะไปอยู่ที่ชั้น 25 ของ Energy Complex ที่ห้าแยกลาดพร้าว

ข่าวน่าสนใจ

รัฐบาลเศรษฐาว้าวุ่น ยกเลิกหรือไปต่อแจกเงินดิจิทัล

แจกเงินดิจิทัล เป็นเงินเลวที่รัฐบาลเสก

ตลาดหุ้นไทย ใกล้พิการ จี้ปรับโครงสร้างนักลงทุน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์