ปฏิรูปกองทัพฉบับ ‘บิ๊กทิน’ ลดนายพลไม่เกิน 500 นาย

10 เม.ย. 2567 - 07:37

  • รับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ก็ประกาศนโยบาย 3 ป.

  • ปรับปรุงกองทัพให้กระชับ ลดกำลังพลในบางหน่วยงาน

  • นายพลในกองทัพจะลดลงให้เหลือไม่เกิน 500 นาย

DEEP-SPACE-army-reform-ministry-defense-SPACEBAR-Hero.jpg

ฟังเรื่องราวการปฏิรูปกองทัพมาตั้งแต่สมัยที่ ‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ประกาศนโยบายลดขนาดของกองทัพให้เล็กลง ภายใต้สโลแกนที่คุ้นหูกันในเวลานั้นว่า จิ๋วแต่แจ๋ว

แต่ผ่าน ผบ.ทบ.มาจนไม่รู้กี่คนแล้ว วันนี้ก็ยังพูดถึงการปฏิรูปกองทัพกันอยู่ โดยเฉพาะจำนวนนายพลที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีมากถึง 1,300 นายแต่ถ้ายึดเอาตัวเลขของฝ่ายค้านที่อภิปรายในสภาจะมีมากถึง 2,700 นาย

วันนี้ในยุคที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่อ ‘บิ๊กทิน’ สุทิน คลังแสง ผู้ที่บอกกับสื่อในวันเข้ารับตำแหน่งว่า จากนักการเมืองลูกอีสานที่ใครต่อใครเรียกว่า ‘บักทิน’ ได้กลายมาเป็น **‘บิ๊กทิน’**ในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน

สุทิน คลังแสง ประกาศจะลดขนาดกองทัพให้เล็กลง เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยภายใต้นโยบาย 3 ป. อันประกอบด้วย ปรับจำนวนกำลังพล ปรับภารกิจ และปรับยุทโธปกรณ์ โดยอย่างหลังจะให้มีคณะกรรมการจัดซื้ออาวุธรวมโดยเอายุทธศาสตร์เป็นตัวตั้ง

ส่วน 2 ป.แรก ได้มอบหมายให้เหล่าทัพไปดำเนินการแล้ว โดยจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา จำนวน 8 คณะด้วยกัน ซึ่งแผนการปฏิรูปกำลังพลและภารกิจดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบของสภากลาโหมไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สุทินขยายรายละเอียดของทั้งสองแผนนี้ไว้ในชุดความคิดเดียวกันว่า การปรับลดกำลังพลเหล่าทัพลง จะรวมอยู่ในหลัก 3 ประการ คือ 

1.ปิดอัตรา

2.ควบรวมหน่วย

3.ยุบหน่วย

กล่าวคือ เมื่อมีผู้เกษียณแล้วอัตรานั้นก็จะถูกปิด ไม่มีการแต่งตั้งใหม่อีก เช่นเดียวกับหน่วยงานไหนที่ควบรวมเข้าด้วยกันได้ ก็จะควบรวมเข้าด้วยกัน และสุดท้ายก็จะยุบหน่วยนั้นลงในที่สุด

จากแผนปฏิรูปกองทัพที่กำลังทำ สุทินเชื่อว่า ภายในปี2570 จะเหลือนายทหารระดับนายพลไม่เกิน 400-500 นาย จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 1,300 นาย ส่วนที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภาว่ามีมากถึง 2,700 นายนั้น เป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน

สุทินยังแถมท้ายเรื่องการเกณฑ์ทหารด้วยว่า ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะอยู่ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งถ้าไปแก้ไขกฎหมายจะยุ่งยาก ดังนั้น จะใช้วิธียกเลิกแบบธรรมชาติแทน โดยใช้วิธีสมัครใจและมีมาตรการจูงใจให้คนสมัครเข้าเป็นทหารเท่าที่ได้ ที่เหลือค่อยใช้วิธีเกณฑ์เอา

แต่ที่น่าสนใจคือ สุทินยกตัวอย่างปีนี้ที่กองทัพต้องการทหารเกณฑ์เข้าประจำการ จำนวน 83,000 นาย แม้ในบางอำเภอจะมีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหารครบตามจำนวนที่ต้องการในพื้นที่นั้นๆ แล้วก็ตาม แต่หากยังไม่ครบตามจำนวนที่ต้องการคือ 83,000 นาย ก็ยังต้องมีการเกณฑ์ทหารในพื้นที่นั้น ๆ เพิ่มอีก เพียงแต่จะปรับลดสัดส่วนลงให้เหลือไม่มากนัก

นี่คือ การปฏิรูปกองทัพฉบับของ ‘บิ๊กทิน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาจากนักการเมืองพลเรือนเต็มขั้น ไม่มียศนำหน้า ซึ่งหากนับจากอดีตถึงปัจจุบัน การปฏิรูปกองทัพในยุค ‘บิ๊กทิน’ น่าจะมีความเป็นรูปธรรม จับต้องได้มากที่สุด

ส่วน ‘บิ๊กทิน’ จะได้อยู่ในตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม จนบรรลุภารกิจในปี2570 หรือไม่ คงไม่มีใครตอบได้

แต่ไม่ว่าจะอยู่หรือไปวันไหนในเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม สำหรับ สุทิน คลังแสง นาทีนี้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากไปกว่าการได้ผันตัวเองจาก ‘บักทิน’ มาเป็น ‘บิ๊กทิน’ ในชั่วเวลาเพียงข้ามคืนเมื่อ 7-8 เดือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์