พรรคร่วมฝ่ายค้าน พากันยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติไปเมื่อวาน (13 มีนาคม 2567) ขอตรวจการบ้านรัฐบาลในรอบ 6 เดือน ก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 9 เมษายนนี้
ในบรรดานโยบายหลายเรื่องของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไว้ และจะถูกฝ่ายค้านนำมาอภิปรายทวงถามความคืบหน้า ไม่เฉพาะเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ‘ที่คิดไปทำไป’ หรือเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่นำงบประมาณมาละเลงกว่า 5 พันล้านบาทเท่านั้น
หากยังมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญอยู่ในลำดับต้น ๆ ด้วย แต่วันนี้ยังไม่เห็นความชัดเจน ไม่ตรงกับที่เคยรับปากไว้ จนเรื่องนี้แทบจะหายจากหน้าสื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
วันนี้ไปตามดูกันหน่อยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้น ตามนโยบายที่ใช้หาเสียงและแถลงต่อรัฐสภาไว้นั้น มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
หลังจากที่รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการจัดทำประชามติขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมอบหมายให้รองนายกฯ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งคณะทำงานชุดดังกล่าวได้ปิดฉากภารกิจไปตั้งแต่ก่อนสิ้นปี2566 และตอนนี้น่าจะสลายวงกันไปแล้ว หลังสรุปผลศึกษาเสนอนายกรัฐมนตรี ให้นำเข้าขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
คงยังจำกันได้ถึงข้อสรุปของคณะทำงานชุดนี้ที่ให้ทำประชามติ 3 ครั้ง พร้อมแนบคำถามเดียวโดด ๆ ทำนองว่า
"ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ไปแตะหมวด 1 หมวด 2"
ซึ่งเป็นคำถามที่ถูกอีกฝ่ายมองเป็นการตั้งคำถามประชามติที่ ‘มัดมือชก ยัดไส้ ไม่เปิดกว้าง’
ย้อนไปก่อนหน้านั้น คณะทำงานชุดรองนายกฯ ภูมิธรรม ยังมีปัญหากับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่กำหนดเกณฑ์การออกเสียงประชามติไว้ให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้น ซึ่งเห็นว่าอาจมีปัญหาทำให้ประชามติไม่ผ่าน เพราะกำหนดเกณฑ์ไว้สูงเกิน จึงต้องแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดาหรือเสียงข้างมากชั้นเดียวพอ
ตอนนี้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในท่ามกลางข้อกังขาของสมาชิกวุฒิสภาว่า เมื่อเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ใยถึงไม่เสนอเข้าที่ประชุมร่วมสองสภาหรือรัฐสภา ตามที่กำหนดไว้ในหมวด 16 ของรัฐธรรมนูญ
สุดท้ายในขณะที่สถานการณ์จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ พร้อมสส.เพื่อไทย 123 คน ก็เข้าชื่อกันเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เป็นคิวแทรก ทะลุกลางปล้องขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลเพื่อต้องการนำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยซ้ำชัด ๆ อีกรอบว่า ตกลงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่นั้น ต้องทำประชามติกี่ครั้งกันแน่?!
ล่าสุดสมใจชูศักดิ์และคณะในเบื้องต้นไปแล้ว เมื่อประธานฯ ‘วันมูหมัดนอร์ มะทา’ ไม่รับบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณา จึงได้พากันเข้าชื่อเสนอญัตติขอรัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งได้มีการนัดหมายประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติดังกล่าวในวันที่ 29 มีนาคมนี้
เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ เรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าผลศึกษาการทำประชามติชุดภูมิธรรม ที่รอนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ หรือการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบมีเป้าหมายของ สส.พรรคเพื่อไทย
ทุกอย่างต้องรอฟังคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่า ตกลงต้องทำประชามติถามประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญกี่ครั้งกันแน่ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง
วันนี้หากถามว่านโยบายเร่งด่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลไปถึงไหนแล้ว ก็เดินมาถึงจุดนี้แหละ จุดที่ทุกฝ่ายยังต้องรอฟังคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
หวังว่าคงไม่รอนานถึงกับต้อง..โปรดฟังอีกครั้ง?!