ไม่ว่าใครจะปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไรว่า เรื่องที่ดินรถไฟเขากระโดง ไม่เกี่ยวกับการเมือง คงไม่มีใครเชื่อ เพราะที่ตกเป็นข้อพิพาทยืดเยื้อยาวนานมาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะฝีมือคนการเมืองนั่นแหล่ะ
เอากันง่ายๆ เรื่องนี้ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป ป่านนี้คงจบไปตั้งแต่ปี 2561 ที่ศาลฎีกาตัดสินให้ที่ดินเป็นของการรถไฟแล้ว กรมที่ดินต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกทับที่การรถไฟไปตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ต้องรอเวลาผ่านไปสามปี แล้วค่อยมายื่นฟ้องศาลปกครองซ้ำอีกในปี 2564
ทั้งๆ ที่การรถไฟควรจะขอบังคับคดีไปตั้งแต่ที่ศาลฎีกามีคำตัดสินในปี 2561
สุดท้ายกลายเป็นเรื่องประหลาด เมื่อคณะกรรมการที่กรมที่ดินตั้งขึ้นตามคำวินิจฉัยศาลปกครองกลาง มีมติ ‘ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน’ ดังกล่าว โดยอ้างไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นที่ดินของการรถไฟ
เสมือนหนึ่งไป ‘โต้แย้ง’ พระราชกฤษฎีกา เล่มที่ 36 หน้า 161 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2462 อันเป็นเอกสารที่การรถไฟใช้เป็นข้อต่อสู้ จนศาลฎีกาตัดสินให้ที่ดินตกเป็นของการรถไฟ และเป็นที่มาของคำว่า
‘คำสั่งทางปกครองของกรมที่ดิน ใหญ่กว่าคำตัดสินศาลฎีกา’ ที่พูดถึงกัน
เรื่องที่ดินรถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ผู้ที่รู้ดีที่สุดคนหนึ่งในครม.ชุดปัจจุบันคือ ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม เพราะสมัยเป็นสส.ฝ่ายค้าน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องนี้หลายครั้ง จนถูกอีกฝั่งปรามาสว่าเอาหนังเก่ามาฉาย แต่ก็โต้กลับทันควันไปเหมือนกันว่า
เป็นเรื่องเก่าที่ถามกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ
วันนี้ พ.ต.อ.ทวี มาเป็นรัฐบาลแต่ยังคงย้ำว่า คำสั่งศาลฎีกาในประเทศไทยถือเป็นศาลสูงสุด ถ้าจะเปลี่ยนคำตัดสินของศาลฎีกา ต้องให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำตัดสิน จะไม่มีใครใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกาได้
‘เรื่องนี้ไม่ใช่ศาลฎีกาอย่างเดียว กฤษฎีกาก็วินิจฉัยแล้ว ป.ป.ช.ก็วินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุด ที่สำคัญมีการบังคับคดีและยึดที่คืนโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่ 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ ก็เป็นเรื่องของการรถไฟที่ต้องดำเนินการต่อไป’
แต่ในวันถัดมา เมื่อกระแสเรื่องที่ดินเขากระโดงแรงขึ้น พ.ต.อ.ทวี จึงขอ ‘งด’ พูดถึง เพื่อรักษาบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ โดยให้เหตุผลเรื่องยังอยู่ในกระบวนการ จึงอยากให้ไปสอบถามกับผู้ที่ดูแลแทน เพราะหากพูดไปเกรงจะหยิบบางประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง
‘กระบวนการยังไม่จบ เชื่อว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ขณะนี้ถือว่าอยู่ในกระบวนการ และเรื่องทั้งหมดใครจะไปเอาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไม่ได้แล้ว เพราะมีคำวินิจฉัยจากศาลไปแล้ว’
พ.ต.อ.ทวี ย้ำด้วยว่า ที่ผืนนี้ไม่ใช่ที่ดินเล็กๆ โดยสองข้างทางรถไฟมีพื้นที่กว้างฝั่งละ 1 กิโลเมตร ยาว 8 กิโลเมตร ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว และก็ไม่ได้ว่าใคร ถือเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายสุริยะก็เพิ่งมาใหม่ คงต้องเข้าไปดู
ด้าน ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ออกมาแสดงท่าทีแบบ**‘แข็งกร้าว’**ไปแล้วว่า เรื่องนี้มีความสำคัญ ถ้าที่ดินตรงนั้นเป็นของการรถไฟฯ แม้กระทั่ง ‘1 ตารางวา ก็เสียไปไม่ได้’ จึงให้การรถไฟฯ ไปตรวจสอบดู
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นหมู่บ้านกระสุนตกที่ต้องรับไปเต็มๆ คือ ภูมิใจไทย ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้ออกมาสำทับซ้ำหลายครั้งว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เป็นคดีความระหว่างกรมที่ดิน กับการรถไฟ รวมถึงผู้ครอบครองที่ดิน ไม่ใช่ประเด็นการเมือง
‘ถ้าเอาการเมืองมายุ่งแบบนี้จะยุ่งแล้ว จึงเห็นว่าฝ่ายการเมืองต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว’
ไม่รู้ว่าการออกมาเบรกเกมของ ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ ในครั้งนี้ เป็นเพราะได้รับสัญญาณอะไรมา หรือเป็นแค่ลีลาอารมณ์ค้างๆ คาๆ จากเรื่องไม่กิน ‘มาม่า’ แต่ชอบกิน ‘ไวไว’ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะการออกลูกแบบหนักๆ ต่อเนื่องกันสองวันซ้อนของ พ.ต.อ.ทวี ก่อนส่งไม้ต่อให้สุริยะ ออกมาขย้ำแบบจมเขี้ยว
ในสถานการณ์การเมืองที่พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ถูกพรรคร่วมถือ ‘ดุลอำนาจเหนือกว่า’ มาระยะหนึ่ง จึงน่าจะได้จังหวะกลับมาเป็นฝ่ายขึ้นขี่บ้าง โดยอาศัยปมที่ดินรถไฟเขากระโดง ที่เป็นเสมือนกล่องดวงใจของพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวพลิกสถานการณ์
ส่วนจะบีบให้มั่น คั้นให้ตาย หรือใช้ต่อรองเป็นเรื่องๆ ไป เหมือนการมุดเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าหนก่อน คงต้องรอดูกระบวนท่าต่อจากนี้ของ ‘นายใหญ่-ครูใหญ่’ จะไว้ไมตรีกันขนาดไหน
เพราะดูจากการยกทัพหลวงไปปลุกคนเสื้อแดงอีสาน ที่จ.อุดรธานี เมื่อวานนี้ (13 พฤศจิกายน 2567) คงไม่ได้หวังแค่ชัยชนะเก้าอี้นายก อบจ.อุดรธานี แต่น่าจะเป็นการประกาศศักดาทวงคืนแชมป์อีสานกลับมาเป็นของพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ ซึ่งหากเป็นอย่างหลัง
เชื่อว่าอีกไม่นานจะได้เห็นปฏิบัติการไล่หนูตีงูเห่ากลับมาเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
ฟังมาว่าสนามเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศต่อจากนี้ จะถูกใช้เป็น ‘นั่งร้านการเมือง’ ปูทางไปสู่การเมืองสนามใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่ทบทวนวิชาปราศรัยที่เรื้อเวทีไปนาน แต่จะเป็นการนับญาติกับบ้านใหญ่ ดึงคนเก่าๆ กลับมาอยู่ร่วมชายคากันอีก
ถึงวันนั้น ถ้าทุกอย่างลงตัว ‘นวด’ พรรคสีน้ำเงินจนได้ที่เมื่อไหร่ และรอแจกเงินหมื่นมัดใจคนชั้นกลางส่งท้ายกันอีกรอบ จากนั้น อาจจะได้เห็นเกม ‘ยุบสภา’ ล้างไพ่ใหม่มาเร็วกว่าที่คิด
แต่ตอนนี้ขอขี่เขากระโดงเอาคืนพรรคสีน้ำเงินก่อน