‘นายกรัฐมนตรี ให้เวลาถึงสิ้นปี ถ้าทำได้เร็วก็เร็ว’
‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ รมว.สาธารณสุข ออกมาตีกรอบเวลาเรื่องนำกัญชากลับเข้าไปอยู่ใน ‘บัญชียาเสพติดประเภท 5’ เหมือนเดิม โดยไม่สนใจว่าเป็นนโยบายเรือธงของ ‘ภูมิใจไทย’ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลที่ใช้หาเสียง และถูกบรรจุอยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภาไว้ด้วย
‘กัญชาเสรี’ เป็นนโยบายหาเสียงที่พรรคภูมิใจไทย ใช้เป็นกระแสขี่เข้าสภาในการเลือกตั้งเมื่อปี2562 แต่วันนี้กระแสตีกลับเป็นลบมากกว่าบวก จึงถูกเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล นำมาใช้ขี่บ้าง ด้านหนึ่งเพื่อเรียก ‘เรตติ้ง’ จากคนที่ไม่เอากัญชาเสรี
ส่วนอีกด้านถือเป็นปฐมบทของการบีบพรรคภูมิใจไทย ในวันที่การเมืองได้ผ่านพ้นแดนอันตราย หลังสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ชุดคสช.ครบวาระลง และนับจากนี้คงจะมีอีกหลายเรื่อง ที่ทำให้ภูมิใจไทยต้องอยู่ร่วมรัฐนาวาแบบ ‘หวานอมขมกลืน’ ต้องกลืนเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะเรื่องความหลังครั้งเก่าเมื่อ 17 ปีก่อน มันจะกลับมาตามหลอนคนภูมิใจไทย ฐานทำให้ ‘ผู้มากบารมี’ ต้องกลายเป็น ‘สัมภเวสี’ ล่องลอยอยู่ต่างแดนนานเกือบสองทศวรรษ หากลืมได้ก็จะเป็นคุณ แต่หากยังเป็นแค้นที่ฝังหุ่น คงเข้าทำนองแม้ผ่านไปสิบปี ก็ไม่สายที่จะมาคิดทบต้นทบดอกพร้อมกันในคราวเดียว
การส่งมือการเมืองระดับ สมศักดิ์ เทพสุทิน มาคุมกระทรวงสาธารณสุขเที่ยวนี้ของพรรคเพื่อไทย คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะสมศักดิ์ก็ไม่มีรีรอโอ้เอ้วิหารราย หยิบเรื่องกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมาขับเคลื่อนเป็นเรื่องแรก โดยมี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นลูกคู่ประสานเสียงขึงขังอย่างมีนัยยะ
ในขณะที่ความวัวเรื่องกัญชายังไม่ทันจบ ความควายเรื่องถูกริบงาน ‘กรมพัฒนาชุมชน’ ในกระทรวงมหาดไทยจาก ‘ชาดา ไทยเศรษฐ์’ มท.3 ของภูมิใจไทย ไปให้ ‘เกรียง กัลป์ตินันท์’ มท.2 ของเพื่อไทยแทน หลังปรับครม.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ มท.1 ต้องยอมจรดปากกาลงนามแบ่งงานใหม่ ก็เพราะมี ‘ใบบอก’ ส่งตรงมาจากผู้ที่ยากจะปฏิเสธได้
ทำให้แผนการปั้นกลุ่มองค์กรสตรีขึ้นมาเป็น อสม.2 ของพรรคภูมิใจไทย ที่ส่ง ‘มนัญญา ไทยเศรษฐ์’ ไปยึดหัวหาดไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จึงเดินไปต่อไม่ได้
เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย วานนี้(13พฤษภาคม 2567) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ)หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)ของ ‘สุวรรณา กุมภิโร’ ส.ส.บึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคภูมิใจไทย และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง ฐานทุจริตการเลือกตั้ง
โดยเป็นใบแดงที่ 2 ของสส.พรรคภูมิใจไทย ต่อจาก ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ที่กกต.มีมติให้ใบแดงไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
พรุ่งนี้ มะรืนนี้ พรรคภูมิใจไทย ยังมีอีกหลายปมที่ถูกกฎหมายล่ามไว้ ทั้งคำร้องยุบพรรคในมือ กกต.อันสืบเนื่องจากการถือ ‘หุ้นนอมินี’ ของ **‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’**อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ด้วยเหตุแห่งการถือหุ้นนอมินีดังกล่าว
ไหนจะยังมีคดีที่ดินรถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่ศาลฎีกามีคำตัดสินไปแล้ว แต่เรื่องยังคาอยู่ที่สองหน่วยงาน คือการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม และกรมที่ดิน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ไปดำเนินการคืนที่ดินให้รฟท.
ไม่นับปมปัญหาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ที่ **‘บริษัทชิโนไทย’**ได้รับงานไป แต่ผ่านมาหลายยุคยังหาความเป็น ‘สัปปายะ’ ไม่ได้ และส่งมอบงานไม่ได้เสียที แถมยังมีคดีความฟ้องร้องคาอยู่ในหลายศาล รวมทั้ง มีเรื่องร้องเรียนทุจริตให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบอีกหลายสิบเรื่อง
เมื่อไล่เรียงดูตามท้องเรื่องแล้ว วันนี้พรรคภูมิใจไทย จึงไม่ต่างอะไรกับ ‘ลูกไก่ในกำมือ’ เพื่อไทย และไม่แปลกที่ตอนหลังเริ่มได้เห็นท่วงท่าแข็งกร้าวบ่อย ๆ จากนายกฯ เศรษฐา เมื่อพูดถึงหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
เป็นหนี้เงินก็ใช้เงินคืน เป็นหนี้บุญคุณก็ต้องตอบแทน แต่ถ้าเป็นความแค้นถึงเวลาต้องเอาคืน ‘ภูมิใจไทย’ ในทางการเมืองหลังสลัดขั้วจากนายใหญ่เมื่อหลายปีก่อน จากที่เคยเป็นดาวจรัสแสงมาตลอด วันนี้อยู่ในช่วงขาลงที่คงต้องกลืนเลือดอีกหลายอึก