มาถึงตอนนี้หลายคนคงเข้าใจแล้วว่าทำไมชื่อของ พิชัย ชุณหวชิร ที่อาจจะเป็นคนนอกในสายตาของคนพรรคเพื่อไทยจึงกลายเป็น ‘สายแข็ง’ ที่ได้รับไฟเขียวจากพ่อนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้ยังนั่งในตำแหน่ง รองนายกฯและรมว.คลัง ดูแลด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของนายกฯ ‘อิ๊งค์1’ แพทองธาร ชินวัตร
คงต้องยอมรับว่าบทบาทของ รองนายกฯ และรมว.คลัง พิชัย กลายเป็น **‘คีย์แมน’**คนสำคัญของทีมงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่โดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ จน ‘บดบัง’ บทบาทของอีก 2 รมช.คลังคือ ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ และ ‘เผ่าภูมิ โรจนสกุล’ ไปเกือบสิ้นเชิง
จากตำแหน่งที่เข้ามาเป็นเพียงหนึ่งในทีม ‘ที่ปรึกษา’ ของอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในช่วงกันยายนปีที่แล้ว เขาเริ่มเข้าไปมีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและปลดล็อกหลาย ๆปัญหา โดยถูกส่งไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 18 แทน ‘ประสาร ไตรรัตน์วรกุล’ ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อไปสางปัญหาหลายๆเรื่องในตลาดหุ้น
ในเวลาเดียวกัน หลังจากฝืนไม่ยอมรับความจริงมาเกือบปี ในที่สุดอดีตนายกฯเศรษฐา ก็เริ่มถอดใจรับสภาพว่าไม่สามารถจะ ‘นั่งควบ’ ในตำแหน่ง รมว.คลัง ชื่อของ พิชัย จึงกลายเป็น ‘ตัวเลือกสุดท้าย’ ที่เป็นความหวังว่าจะมาช่วยผลักดันนโยบายเศรษฐกิจในหลาย ๆ เรื่องที่ไม่สามารถเดินหน้าไปได้เสียที โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และช่วยในการกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังดำดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
‘พิชัย’ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเก๋าเกมและเป็นตัวจริงที่กลายเป็น ‘จิ๊กซอว์’ ตัวสำคัญที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในหลายเรื่อง ไม่เพียงช่วยปลดล็อกเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตที่ต้องใช้เงินสูงถึง 4.5 แสนล้านบาท
เขายังเป็นเจ้าของไอเดียในการนำ ‘ไอเทมลับ’ ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามคือ ‘เจ้านกกินลม’ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 Vayaupak Fund 1 ให้กลับมาโบยบินในตลาดทุนใหม่อีกครั้ง เพื่อปลุกตลาดหุ้นไทยให้กลับมาคึกคัก หลังจากตกอยู่ในอาการ ‘ซึมเศร้า’ มากว่าสองปี
เพราะเหตุนี้ถึงแม้ อดีตนายกฯ เศรษฐา จะต้องพบวิบากกรรมจนต้องพ้นจากตำแหน่งไปจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เขาก็ยังเป็น ‘ตัวเลือกอันดับแรก’ ที่พ่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจให้นั่งในตำแหน่งแม่ทัพด้านเศรษฐกิจต่อไป ในรัฐบาลของลูกสาว อิ๊งค์ แพทองธาร
อดีตนายกฯทักษิณตระหนักดีว่า โจทย์สำคัญในตอนนี้คือต้องทุ่มทุกอย่างชนิด ‘หมดหน้าตัก’ เพื่อดึงเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาให้ได้ เพราะมี ‘ลูกสาว’ หัวแก้วหัวแหวนเป็นเดิมพัน จึงต้องมั่นใจว่า นโยบายและมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลาย ๆ อย่างที่จะเร่งผลักดันออกมาจะไม่พลาด และ ‘ล้มเหลว’ เหมือนหนึ่งปีที่ผ่านมา
โจทย์ข้อแรกและสำคัญที่สุด คือต้อง ‘กดปุ่ม’ แจกเงินหมื่นตามโครงการเรือธง ดิจิทัลวอลเล็ต ให้สำเร็จ โดยเลิกยึดติดกับรูปแบบที่เคยวาดฝันไว้ตอนแรก จึงกลายเป็นที่มาของการปรับรูปแบบเป็นการแจกเงินสดทันทีให้กับกลุ่มเปราะบางจำนวนราว 14.5-15 ล้านคน ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ส่วนที่เหลืออีกราว 30 ล้านคน จะใช้วิธีแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดๆละ 5,000 บาท เพราะต้องไปบริหารงบประมาณในปี 2568 ให้มีเม็ดเงินเพียงพอ
อีกผลงานที่ **‘เข้าตา ’**อดีตนายกฯ ทักษิณแบบสุด ๆ ยังมาจากแนวคิดในการใช้กองทุนวายุภักษ์ ในการปลุกตลาดหุ้นไทยพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมีส่วนช่วย ‘ดันดัชนีหุ้น’ ให้ทะยานขึ้นมาแรงถึงกว่า 140 จุดหลังจากเปิดตัว
ที่ทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างชาติขนเงินกลับเข้ามา ‘ไล่ซื้อหุ้น’ ที่คาดว่าอยู่ในเป้าหมายในการซื้อเข้าพอร์ตของกองทุนฯเพื่อดักล่วงหน้า (Front-Running) จนทำให้ปริมาณการซื้อขายต่อวันพุ่งขึ้นมาแตะระดับ 8 หมื่นล้านบาทได้อย่างง่ายดาย
การบ้านข้อต่อไปของ รองนายกฯพิชัย คือต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่อง ‘หนี้สินครัวเรือนของภาคประชาชน’ ที่เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีแนวคิดในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ขึ้นมาซื้อหนี้เสียจากสถานบันการเงินมาบริหาร เพื่อช่วยลูกหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการวางมาตรการที่จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็ว ๆ นี้
ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ชื่อของ พิชัย กลายเป็น ‘จิ๊กซอว์’ ตัวสำคัญในการที่จะมาช่วยพลิกเกม และต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ‘อิ๊งค์ 1’ แพทองธาร ชินวัตร เพราะไม่เพียงสายสัมพันธ์อันดีที่และความไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างดี แต่ยังรวมถึงความรู้ความสามารถของ ‘พิชัย’ ที่พิสูจน์ได้ว่าเก๋าเกมตัวจริงมายาวนาน...