จุดพลังเปลี่ยนเมือง SPOTLIGHT เปิดเวทีสัมมนา ‘สร้างเมืองยั่งยืน เพื่อชีวิตยืนยาว’

19 มิ.ย. 2568 - 11:39

  • SPOTLIGHT เปิดเวทีสัมมนา “Creating Sustainable City: สร้างเมืองยั่งยืน เพื่อชีวิตยืนยาว” รวมพลังนักคิด นักพัฒนา และภาครัฐ สร้างต้นแบบเมืองเพื่อคนรุ่นต่อไป

จุดพลังเปลี่ยนเมือง SPOTLIGHT เปิดเวทีสัมมนา ‘สร้างเมืองยั่งยืน เพื่อชีวิตยืนยาว’

เมืองแห่งอนาคตต้องเริ่มวันนี้ เพราะประชากรโลก 55% อาศัยอยู่ในเขตเมือง และคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 68% ภายในปี 2050 สะท้อนว่าทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นเมือง (Urbanization) เมืองจึงเป็นมากกว่าพื้นที่อยู่อาศัย แต่รวมถึงการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับคุณภาพชีวิต ความเท่าเทียม ตลอดจนการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งหากขาดการวางแผนและการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ขยายช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และลดทอนคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง

ด้วยเหตุนี้ SPOTLIGHT สื่อภายใต้บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด จึงร่วมแสดงพลังในการขับเคลื่อนเมือง ผ่านงานสัมมนา “Creating Sustainable City: สร้างเมืองยั่งยืน เพื่อชีวิตยืนยาว” เพื่อเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน สู่แนวทางที่เป็นรูปธรรมในการสร้างเมืองที่อยู่ดี อยู่ได้ และอยู่รอด

ดร.อัษฎาพร ไกรพานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ
ดร.อัษฎาพร ไกรพานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ

เมืองที่ดี คือเมืองของทุกคน

เริ่มต้นจุดพลังเปลี่ยนเมือง ด้วยปาฐกถาพิเศษโดย ดร.อัษฎาพร ไกรพานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากคำถามสำคัญที่ว่า “เรากำลังสร้างเมืองเพื่อใคร?” สู่หัวข้อ “Equitable City For All: เมืองอยู่สบาย เข้าถึงง่าย ไร้ความเหลื่อมล้ำ” โดยเน้นย้ำว่า เมืองที่อยู่สบายควรสะท้อนคุณภาพของสังคม นำไปสู่การดำรงชีวิตที่ดีของคนรุ่นหลัง ดูแลกลุ่มเปราะบาง เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุ และสามารถรับมือกับปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การวางผังเมืองของประเทศไทยควรตั้งคำถามว่า สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตได้หรือไม่ และในขณะนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาด้านการปรับผังเมืองควบคู่กันไป อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างเมืองยั่งยืน คือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

“สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การสร้างเมืองยั่งยืน คือหัวใจของเราทุกคนที่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เราต้องการเมืองที่อยู่สบาย เมืองที่ยั่งยืน และสามารถส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง หากเราร่วมมือกันเชื่อว่าเราจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้”

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวย้ำ

ดร.รัตมณี อ๋องสกุล ผู้จัดการโครงการอาวุโส แผนกการพัฒนา สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
ดร.รัตมณี อ๋องสกุล ผู้จัดการโครงการอาวุโส แผนกการพัฒนา สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย

ด้าน ดร.รัตมณี อ๋องสกุล ผู้จัดการโครงการอาวุโส แผนกการพัฒนา สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้ร่วมแบ่งปันแนวทางการสร้างเมืองยั่งยืน โดยระบุว่า ปัจจุบันเมืองต่างๆ ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน หลายภาคส่วนจึงเริ่มมองหาเมืองที่ปลอดภัย พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง มีความสามารถในการฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยออสเตรเลียมีโครงการ Nature-based Solutions หรือการใช้ธรรมชาติเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเมือง ซึ่งเน้นความสำคัญของระบบนิเวศควบคู่กับการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อันช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถผลักดันโครงการได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ออสเตรเลียยังมีความร่วมมือกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

คุณระเบียบ ภูผา ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ
คุณระเบียบ ภูผา ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ

จาก “โลกร้อน” สู่ “โลกเดือด” ถึงเวลาของเมืองคาร์บอนต่ำ

“วันนี้เราไม่ได้อยู่ในยุคโลกร้อนอีกต่อไป แต่กำลังอยู่ในยุคโลกเดือด ซึ่งส่งผลให้เกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น สะท้อนถึงวิกฤตที่เร่งด่วน เมืองไทยจึงต้องเดินหน้าอย่างจริงจังสู่การเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำ ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านพฤติกรรมและระบบโครงสร้าง” ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว

เสวนาในหัวข้อ “Building Resilient City: สร้างเมืองอยู่ดีให้อยู่รอดปลอดภัย” /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ
เสวนาในหัวข้อ “Building Resilient City: สร้างเมืองอยู่ดีให้อยู่รอดปลอดภัย” /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ

เมืองอัจฉริยะต้องใช้ข้อมูลอัจฉริยะ

สำหรับเวทีเสวนาในหัวข้อ “Building Resilient City: สร้างเมืองอยู่ดีให้อยู่รอดปลอดภัย” ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายท่านได้ร่วมแบ่งปันแนวทางการบริหารจัดการเมือง โดยเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญ คุณวิฑูรย์ อภิสิทธิ์ภูวกุล ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล กรุงเทพมหานคร ได้นำเสนอแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง เช่น การใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map) เรดาร์ตรวจวัดปริมาณฝน การคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM2.5 และระบบตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนในอาคารสูง

ขณะที่ คุณณัฐนี วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนโครงการวันแบงค็อก ได้กล่าวว่า โครงการวันแบงค็อกออกแบบโดยยึดแนวคิดความยั่งยืน เมืองอัจฉริยะ และการวางผังเมืองที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมกันนี้ยังมีการวางแผนรองรับภัยธรรมชาติตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ อาทิ ระบบรับมือแผ่นดินไหว และระบบป้องกันน้ำท่วมระดับ 500 ปี (500-Year Flood Prevention) ที่เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดในรอบ 5 ศตวรรษ

ดร.สยาม ลววิโรจน์วงศ์ ผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศ GISTDA ได้กล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีอวกาศและข้อมูลจากดาวเทียมในการคาดการณ์และบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยปัจจุบันประเทศไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลจากดาวเทียมกว่า 40 ดวง ซึ่งให้ข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำ และสามารถวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตได้ เช่น ปริมาณการใช้พลังงาน ประชากรแฝง และปริมาณน้ำ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มภัยพิบัติล่วงหน้า และการวางผังเมืองเชิงรุก

เสวนาในหัวข้อ “Livable City For People: เมืองน่าอยู่ คนต้องอยู่ได้จริง” /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ
เสวนาในหัวข้อ “Livable City For People: เมืองน่าอยู่ คนต้องอยู่ได้จริง” /เครดิตภาพ วารุณี มณีคำ

“คน” คือหัวใจของเมืองน่าอยู่

ปิดท้ายด้วยการเสวนาในหัวข้อ “Livable City For People: เมืองน่าอยู่ คนต้องอยู่ได้จริง” ที่ผู้เข้าร่วมสะท้อนปัญหาที่ต้องการให้เมืองแก้ไขเร่งด่วน เช่น การจราจร ขยะ มลพิษ และขาดพื้นที่สีเขียว ซึ่ง คุณอดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ จาก UDDC และ คุณพีรพล เหมศิริรัตน์ จากเพจ Environman ต่างเห็นพ้องกันว่า เมืองน่าอยู่ไม่ใช่เพียงเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนเมือง เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างเคารพธรรมชาติ

“ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสะสมของเมืองที่ต้องการการจัดการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องระบบการเดินทาง”

คุณอดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ให้ความเห็น

ทั้งนี้ ยังเน้นว่าการสร้างเมืองให้น่าอยู่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพ การจัดการพื้นที่ และการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเมือง ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน มิฉะนั้น เมืองที่น่าอยู่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ขณะที่คุณพีรพลกล่าวปิดท้ายว่า โครงสร้างพื้นฐานจะทำให้เมืองใช้งานได้ แต่ “คน” คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เมืองน่าอยู่อย่างแท้จริง

นอกจากการเสวนาบนเวทีแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ SX REPARTMENT STORE จุดรับบริจาคสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา ฯลฯ ที่จะนำไปส่งต่อและมอบคุณค่าให้แก่ผู้อื่น เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง ภายในบูธยังมีเสื้อผ้ามือสองคุณภาพดีจำหน่าย การปั่นจักรยานทำภารกิจพิชิตรางวัล และกิจกรรม Workshop ถุงผ้า DIY จากเสื้อเก่า  ซึ่งรายได้นำไปสมทบทุนให้กับองค์กรสาธารณกุศล เพื่อสะท้อนภาพ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่เริ่มต้นได้จากการกระทำเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน

งานสัมมนาครั้งนี้ไม่เพียงเสนอแนวทาง แต่ยังเป็นพื้นที่ของการจุดประกายความร่วมมือและความหวังว่าเมืองของเราจะเป็นเมืองที่ดีขึ้นได้ หากทุกภาคส่วนจับมือกันลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะเมืองที่ยั่งยืน…ไม่ใช่แค่ฝันของนักวางผังเมือง แต่คือความจำเป็นของคนรุ่นนี้ และมรดกที่เราจะส่งต่อให้คนรุ่นถัดไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์