“ถุงพลาสติก” สัญลักษณ์ของความสะดวกสบาย กำลังกลายเป็นภาระที่ธรรมชาติไม่อยากแบกรับ แม้ความตั้งใจของผู้สร้างจะรังสรรค์สิ่งนี้มาเพื่อช่วยลดการใช้ถุงกระดาษ ลดการตัดต้นไม้ ด้วยคุณสมบัติที่เหนียว ทนทาน น้ำหนักเบา และ “ใช้ซ้ำได้” แต่ปัจจุบันถุงพลาสติกกลับถูกออกแบบมาเพื่อใช้เพียงไม่กี่นาที ทว่า กลับใช้เวลาย่อยสลายนานหลายปี
ข้อมูลจาก World Economic Forum เผยว่าถ้าเรายังใช้พลาสติกเหมือนเดิม ภายในปี 2050 (เบญจเพสของเด็ก Gen Beta) ในทะเลจะมี “พลาสติก” มากกว่า “ปลา”
ถุงพลาสติก ความสะดวกมีราคาที่ต้องจ่าย
ในทุกๆ ปี ถุงพลาสติกนับพันล้านใบหลุดรอดออกจากระบบจัดการขยะ และกลายเป็นเงามืดใต้ท้องทะเล ขณะเดียวกันก็กลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพอย่างเงียบงัน เพราะการแตกตัวเป็น “ไมโครพลาสติก” แทรกซึมสู่ระบบนิเวศ รวมถึงห่วงโซ่อาหารแบบยากจะควบคุม

“ถุงพลาสติก” ขยะที่พบมากเป็นอันดับ 5 บนชายหาด
ขยะพลาสติกโดยเฉพาะถุงพลาสติกแบบบางหรือถุงก๊อปแก๊ป ยังคงเป็นหนึ่งในขยะที่พบมากที่สุดในแหล่งน้ำทั่วโลก จากการศึกษาที่อ้างอิงจากข้อมูลจริงของกิจกรรมเก็บขยะกว่า 45,000 ครั้งทั่วสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งพื้นที่ที่มีนโยบายเกี่ยวกับถุงพลาสติกและพื้นที่ที่ไม่มี ระหว่างปี 2016-2023 โดยอาสาสมัครนับและจัดหมวดหมู่ขยะที่พบ ผลปรากฏว่าถุงพลาสติกติดอันดับขยะที่พบมากที่สุดเป็นลำดับที่ 5 รองจากก้นบุหรี่ ซองขนม ฝาขวด และขวดน้ำ
แต่ที่น่าทึ่งคือ พื้นที่ที่มีนโยบายควบคุมถุงพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นการแบนหรือการเก็บค่าธรรมเนียม เห็นการลดลงของถุงพลาสติกในขยะ เฉลี่ยระหว่าง 25-47% เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ไม่มีมาตรการใดๆ
“ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่มันคือสัตว์ทะเลที่รอดชีวิตอีกหลายตัว คือชายหาดที่เด็กๆ เล่นได้อย่างปลอดภัย คือหยดน้ำตาของโลกที่ไหลน้อยลง”
ผลการวิเคราะห์ระบุว่า การแบนถุงพลาสติกแบบเต็มรูปแบบ หรือการเก็บค่าธรรมเนียมในการใช้ถุงพลาสติก เป็นนโยบายที่ได้ผลดีที่สุด โดยเฉพาะหากบังคับใช้อย่างต่อเนื่องในระดับรัฐ ซึ่งมีความเข้มแข็งทั้งด้านกฎหมายและการบังคับใช้มากกว่าระดับเมืองหรือท้องถิ่น ในทางตรงกันข้าม การแบนเพียงบางประเภท เช่น แบนเฉพาะถุงบางแบบหรือปล่อยให้ใช้ถุงแบบหนา ยังคงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากมีช่องโหว่ที่ทำให้ขยะถุงพลาสติกยังคงหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อม
เสียงจากนักวิจัย ต้องมองไกลกว่าถุงพลาสติก
อันนา แพปป์ หัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่าแม้พื้นที่ที่มีนโยบายจะเห็นผลเชิงบวกในการลดขยะ แต่แนวโน้มภาพรวมของขยะพลาสติกทั่วประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในระดับระบบที่ลึกซึ้งกว่าเพียงแค่การใช้ถุงพลาสติก พร้อมเตือนว่า นโยบายเกี่ยวกับถุงพลาสติกควรถูกมองว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ “จุดจบ” ของปัญหา เพราะต้นเหตุที่แท้จริงอยู่ที่โครงสร้างของการผลิตและการบริโภคพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ยังไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง
“การแบนถุงพลาสติกให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของปัญหาทั้งระบบ เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่การผลิต บรรจุภัณฑ์ และระบบจัดการของเสียให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น หากจะหยุดวงจรของขยะพลาสติกได้จริง”
— อันนา แพปป์ หัวหน้าทีมวิจัยให้ความเห็น
จากถุงหนึ่งใบสู่แรงบันดาลใจระดับโลก
ผลการวิจัยไม่ได้บอกแค่ว่า “นโยบายใช้ได้ผล” แต่มันบอกว่าความตั้งใจเล็กๆ ของเมืองหนึ่งรัฐหนึ่ง สามารถส่งแรงกระเพื่อมสู่ระบบนิเวศทั้งผืนทะเลได้
การเผยแพร่เรื่องราวดีๆ จากผลการศึกษาครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังหันมาสนใจปัญหาขยะพลาสติกอย่างจริงจัง โดยในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ 175 ประเทศทั่วโลกเตรียมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งเพื่อหารือเรื่อง “สนธิสัญญาพลาสติกโลก” ฉบับแรก ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการผลิต การใช้ และการจัดการพลาสติกอย่างเป็นระบบระดับโลก หลังจากที่การเจรจาครั้งก่อนล่มลงเมื่อปลายปี 2024
ใครอ่านมาถึงตอนจบคงอยากสยบพฤติกรรมใช้แล้วทิ้ง! โละวัฒนธรรมการทิ้งขว้างที่ทำให้โลกเดินทางมาถึงขอบเหวเพราะวิกฤตพลาสติกล้นโลก ลองเปลี่ยนมาใช้ “ถุงผ้า” ดูเพิ่มเติมได้ในฮาวทูกู้โลกรวน - วิธีที่ 7: ถุงผ้า (อยากใช้...แต่ลืมไว้ในรถ) และปรับไลฟ์สไตล์ให้อยู่ดี กรีนดี ด้วยการตั้ง New Year’s Resolutions 2025 ไม่ยากหรอกเชื่อสิ เราทำได้!!