UNEP ตีแผ่ 10 เรื่องมลพิษพลาสติกที่โลกต้องการคำตอบ เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก

5 มิ.ย. 2568 - 03:00

  • 5 มิถุนายน 2025 วันสิ่งแวดล้อมโลก UNEP ตอบ 10 คำถามเร่งด่วนเกี่ยวกับมลพิษพลาสติก ชี้ถึงเวลา “เปลี่ยนระบบ” ก่อนที่พลาสติกจะล้นโลก

  • พลาสติกที่ถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มากถึง 9,200 ล้านตัน อย่างน้อย 7,000 ล้านตัน กลายเป็น “ขยะ”

  • กติกาโลกใหม่กำลังถูกเขียนขึ้นใน “สนธิสัญญาโลกลดมลพิษพลาสติก” ซึ่งจะประชุมใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2025 ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์

UNEP ตีแผ่ 10 เรื่องมลพิษพลาสติกที่โลกต้องการคำตอบ เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก

ปัญหาขยะพลาสติก กลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ต้องเร่งแก้ไข 5 มิถุนายน 2025 : วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) องค์การสหประชาชาติชี้โลกกำลังเผชิญภัยคุกคามจากมลพิษพลาสติกที่กระจายไปทุกมุมโลก แม้กระทั่งในร่างกายมนุษย์ พร้อมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ล่าสุด โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme: UNEP) โดยองค์การสหประชาชาติ เปิดเผยสถานการณ์มลพิษพลาสติกทั่วโลก พร้อมตอบ 10 คำถามสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนของปัญหานี้ ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญประจำปีที่จัดขึ้นภายใต้ธีม #BeatPlasticPollution หนึ่งในความพยายามระดับโลกเพื่อผลักดันให้ประเทศต่างๆ เร่งหาข้อตกลงตามกรอบสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อยุติมลพิษพลาสติก โดยจะมีการประชุมระดับนานาชาติรอบใหม่ในเดือนสิงหาคม ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

5 มิถุนายน 2025 : วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)
5 มิถุนายน 2025 : วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)

 

10 คำถามสำคัญในวันสิ่งแวดล้อมโลก 2025

1. โลกมีพลาสติกอยู่มากแค่ไหน?

จากข้อมูลของ UNEP พบว่าโลกเราผลิตขยะพลาสติกสูงถึง 400 ล้านตันในปีที่ผ่านมา โดยมีพลาสติกสะสมที่ถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มากถึง 9,200 ล้านตัน ปละประมาณการณ์ว่าอย่างน้อย 7,000 ล้านตัน กลายเป็น “ขยะ” ที่ส่วนใหญ่ไม่ถูกจัดการอย่างเหมาะสมและยังคงสะสมอยู่ในธรรมชาติ

ขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น ขวดน้ำ ถุงพลาสติก หลอด ช้อนส้อม และภาชนะบรรจุอาหาร ยังคงเป็นต้นตอสำคัญของปัญหา เนื่องจากย่อยสลายยาก รีไซเคิลไม่ได้ หรือถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเพียงครั้งเดียว

 

2. พลาสติกแบบใดที่ก่อปัญหาหนักที่สุด?

พลาสติกใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastics) คือผู้ร้ายตัวจริง เพราะออกแบบมาให้ใช้แล้วทิ้ง รีไซเคิลยาก หรือรีไซเคิลไม่ได้เลย ตัวอย่างเช่น ขวด PET ถุงพลาสติก ฟิล์มห่ออาหาร แก้ว ช้อน ส้อม พลาสติกแบบบาง บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ถุงขนม โฟมกันกระแทก รวมถึงหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง

 

3. พลาสติกกระจายอยู่ที่ไหนบ้าง?

“พลาสติกมีอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งในร่างกายมนุษย์” ปัญหามลพิษพลาสติกในทศวรรษนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบนพื้นดินหรือในทะเล เพราะจากรายงานชี้ว่าพบเศษพลาสติกที่แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ หรือ ไมโครพลาสติก ถูกตรวจพบในแม่น้ำ ธารน้ำแข็ง ผืนนา แม้แต่ในร่องลึกมาเรียน่า ซึ่งเป็นจุดลึกที่สุดในโลก บนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งพลาสติกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมไปแล้วแบบที่เราไม่รู้ตัว

นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพ มลพิษพลาสติกยังส่งผลต่อสภาพอากาศโลก โดยการผลิตพลาสติกในปี 2020 คิดเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 3% ของการปล่อยทั่วโลก


มลพิษพลาสติกทำลายระบบนิเวศ สัตว์ทะเลจำนวนมากกลืนพลาสติกเข้าไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร
มลพิษพลาสติกทำลายระบบนิเวศ สัตว์ทะเลจำนวนมากกลืนพลาสติกเข้าไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร

4. ทำไมมลพิษพลาสติกถึงเป็นปัญหาใหญ่?

เพราะมันส่งผลกระทบลึกกว่าแค่เรื่องขยะ อาทิ

  • ทำลายระบบนิเวศ สัตว์ทะเลจำนวนมากกลืนพลาสติกเข้าไปโดยเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร
  • ทำลายสุขภาพ เพราะแทรกซึมในร่างกายมนุษย์ ทั้งในเลือด ตับ อัณฑะ และน้ำนมแม่
  • กระทบต่อสภาพอากาศ การผลิตพลาสติกในปี 2020 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 3% ของปริมาณทั่วโลก

 

5. ไมโครพลาสติกคืออะไร และมันอยู่ในร่างกายเราได้ยังไง?

เศษพลาสติกขนาดจิ๋วนี้สามารถเข้าไปในร่างกายมนุษย์ผ่านอาหารและน้ำดื่ม ที่น่ากังวลคือ ไมโครพลาสติก ตรวจพบในเลือด ตับ อัณฑะ และน้ำนมแม่ ซึ่งงานวิจัยระบุว่า น้ำดื่มบรรจุขวดอาจมีไมโครพลาสติกเฉลี่ยสูงถึง 240,000 ชิ้นต่อลิตร ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัดว่ามีผลต่อสุขภาพโดยตรงด้วยกลไกแบบใด แต่การที่มันแทรกซึมในอวัยวะสำคัญก็บ่งชี้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก

6. การรีไซเคิลช่วยแก้ปัญหาได้ไหม?

ช่วยได้ แต่ไม่พอ ปัจจุบันมีพลาสติกเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลจริง
สาเหตุที่เหลือไม่ถูกรีไซเคิล

  • ผลิตภัณฑ์ไม่รองรับการรีไซเคิล
  • โครงสร้างซับซ้อนเกินไป
  • ระบบจัดเก็บขยะยังไม่ทั่วถึง
  • ปริมาณขยะเพิ่มเร็วกว่าความสามารถในการจัดการ

7. ทางออกระยะยาวคืออะไร?

UNEP เสนอแนวคิด “Lifecycle Approach” คือการจัดการพลาสติกในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่

  • ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้ซ้ำได้
  • ลดการใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็น
  • พัฒนาวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืน
  • ป้องกันการรั่วไหลของพลาสติกสู่ธรรมชาติ

 

8. ทำแบบนี้แล้วจะไม่เปลืองงบประมาณหรือ?

แม้หลายประเทศกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงระบบผลิตและจัดการขยะอาจมีต้นทุนสูง แต่ UNEP ยืนยันว่าการลงทุนในระบบที่ยั่งยืนจะให้ผลตอบแทนมหาศาลในระยะยาว โดยประเมินว่าการดำเนินการตามแนวทาง Lifecycle Approach อย่างจริงจังจะช่วยประหยัดต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2040


“เราไม่ควรมองว่าการแก้ปัญหาพลาสติกเป็นต้นทุน แต่ควรมองว่าเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพของโลกและประชาชน”

Elisa Tonda, UNEP

 

9. ขณะนี้โลกกำลังดำเนินการอย่างไร?

หลายประเทศเริ่มมีมาตรการจริงจัง และเริ่มแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียว ขณะที่บางประเทศบังคับให้ผู้ผลิตรับผิดชอบผลิตภัณฑ์หลังการใช้งาน (Extended Producer Responsibility)  อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของปัญหาที่ข้ามพรมแดนทำให้จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากนานาประเทศ

ขณะที่ความร่วมมือระดับโลก อาจเป็นจุดเปลี่ยนของปัญหา ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้เจรจาสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อยุติมลพิษพลาสติก ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างโดย คณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC) ถือเป็นความพยายามร่วมกันครั้งสำคัญ โดยการประชุมรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วง 5–14 สิงหาคม 2025 ที่นครเจนีวา

 

10. ถ้าเราไม่ลงมือวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น?

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่าหากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ภายในปี 2060 ปริมาณขยะพลาสติกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า หรือทะลุระดับ 1,000 ล้านตันต่อปี และเกือบครึ่งของขยะใหม่เหล่านี้จะถูกเผา ฝังกลบ หรือหลุดรอดเข้าสู่ธรรมชาติ


UNEP เสนอแนวทางวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Lifecycle Approach) ที่มองปัญหาพลาสติกในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังใช้งาน
UNEP เสนอแนวทางวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Lifecycle Approach) ที่มองปัญหาพลาสติกในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังใช้งาน


ถึงเวลาร่วมเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

เราต้องยอมรับความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า โลกในวันนี้ไม่ได้ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอย่างที่เคย แต่ถูกล้อมรอบด้วย “พลาสติก” ในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่ห้องนอน ห้องครัว ไปจนถึงท้องทะเล มีอยู่ทุกที่ตั้งแต่หน้ากากอนามัยในกระเป๋า ไปจนถึงไมโครพลาสติกในร่างกายมนุษย์

ณ ตอนนี้ “รีไซเคิลอย่างเดียวไม่พอแล้ว” แม้การรีไซเคิลจะเป็นหนึ่งในทางออกที่ได้รับการส่งเสริมมายาวนาน แต่งานวิจัยจาก OECD ระบุว่า พลาสติกทั่วโลกมีเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลจริง ขณะที่อีกส่วนใหญ่ถูกฝังกลบ เผา หรือหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม การที่ UNEP เสนอแนวทาง “วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์” (Lifecycle Approach) ที่มองปัญหาพลาสติกในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังใช้งาน โดยเน้นไปที่การลดการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้ซ้ำได้ และการพัฒนา “วัสดุทดแทนพลาสติก” ที่ยั่งยืนกว่า อาจทำให้ทิศทางการแก้ปัญหาเดินไปตรงเป้าแบบมีเข็มทิศ หลังจากที่โลกเรามัวนั่งแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมานานกว่า 30 ปี

 

วันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ จึงไม่ได้เป็นแค่การรณรงค์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการลงมือทำร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้โลกใบนี้หลุดพ้นจากวิกฤตมลพิษพลาสติกในที่สุด วันนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้บริโภค บริษัท หรือภาครัฐ ทุกคนสามารถเริ่มเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่การลดใช้พลาสติก ไปจนถึงการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน

...เพราะ “ขยะ” ไม่ใช่ปัญหาที่ควรปล่อยให้ล่องลอยในมหาสมุทร หรือปะปนในเลือดและร่างกายของเราอีกต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์